Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Development of training model to enhance basic life support using smart devices with simulation-based learning for upper secondary students
Year (A.D.)
2024
Document Type
Thesis
First Advisor
ประกอบ กรณีกิจ
Faculty/College
Faculty of Education (คณะครุศาสตร์)
Department (if any)
Department of Educational Communication and Technology (ภาควิชาเทคโนโลยีและการสื่อสารการศึกษา)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.2024.487
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการรูปแบบฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยใช้อุปกรณ์อัจฉริยะด้วยสถานการณ์จำลองเป็นฐานสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยใช้อุปกรณ์อัจฉริยะด้วยสถานการณ์จำลองเป็นฐานสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยใช้อุปกรณ์อัจฉริยะด้วยสถานการณ์จำลองเป็นฐานสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ตัวอย่างการวิจัยที่ใช้ในการศึกษาสภาพและความต้องการรูปแบบฯ ผู้วิจัยคัดเลือกตัวอย่าง 2 กลุ่ม 1) นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเขต 1 และ 2 จำนวน 434 คน (Purposive Sampling) ขนาดตัวอย่างขั้นต่ำคำนวณโดย G*Power 3.1.9.7 สำหรับ Paired-samples t-test เท่ากับ 272 คน ตามเกณฑ์ของ Cohen (1988) 2) ครูผู้สอนวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ในสังกัดสพฐ. เขต 1 และ 2 จำนวน 5 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) และตัวอย่างการวิจัยที่ใช้ในศึกษาผลการใช้รูปแบบฯ ได้จากเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ได้แก่ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง จำนวน 30 คน ที่สมัครใจเข้าร่วมแบบอาสาสมัคร (Voluntary Participation) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามสภาพและความต้องการรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยใช้อุปกรณ์อัจฉริยะด้วยสถานการณ์จำลองเป็นฐานสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2) แบบสัมภาษณ์ครูแบบมีโครงสร้าง 3) แบบประเมินผู้เชี่ยวชาญแบบมีโครงสร้าง 4) แบบประเมินรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยใช้อุปกรณ์อัจฉริยะด้วยสถานการณ์จำลองเป็นฐานสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย 5) แบบประเมินทักษะการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน 6) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีต่อรูปแบบการอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยใช้อุปกรณ์อัจฉริยะด้วยสถานการณ์จำลองเป็นฐาน การวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย 1) วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2) วิเคราะห์สภาพและความต้องการโดยใช้ดัชนีความสำคัญของลำดับความต้องการจำเป็นหรือ Modified Priority Needs Index: PNImodified และ 3) วิเคราะห์ความแตกต่างของคะแนนทักษะการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายก่อนและหลังการอบรม โดยใช้สถิติทดสอบ Paired Samples t-test ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 1) สภาพและความต้องการรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน ฯ ความต้องการอันดับ 1 คือ การฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานมีการสร้างสถานการณ์จำลองเหตุการณ์พบคนหมดสติและไม่หายใจที่มีความสมจริง 2) รูปแบบการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานฯ มี 3 ระยะ7 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ 1) ระยะเตรียม ขั้นตอนที่ 1: การทดสอบก่อนฝึกอบรม ขั้นตอนที่ 2: การเรียนรู้ทฤษฎี ขั้นตอนที่ 3: การเตรียมความพร้อม 2) ระยะดำเนินการ ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 4: การจำลองสถานการณ์ และ 3) ระยะสรุป ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 5: การสะท้อนคิด ขั้นตอนที่ 6: การทดสอบหลังฝึกอบรม และขั้นตอนที่ 7: การประเมินผลสรุป3) ผลการใช้รูปแบบการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานฯ พบว่า นักเรียนมีทักษะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการอบรบ อยู่ในระดับมากที่สุด
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
The purpose of this research was (1) to investigate the problems and training needs for a Basic Life Support (BLS) model integrating smart devices with simulation-based learning for upper secondary students; (2) to develop the proposed BLS training model; and (3) to evaluate its effectiveness among the target population. Phase 1 employed purposive sampling to recruit two groups for needs assessment: 434 upper secondary students from schools under Bangkok Secondary Education Service Areas 1 and 2 exceeding the minimum required sample size of 272 as calculated by G*Power 3.1.9.7 for a paired-samples t-test and five Health and Physical Education teachers from the same service areas. In Phase 2, the draft training model was pilot-tested with a purposive sample of 30 volunteer students from Wat Nai Rong Secondary School. Research instruments included: (1) a questionnaire on current practices and training needs; (2) a structured teacher interview guide; (3) an expert validation form; (4) a model-evaluation questionnaire; (5) a BLS skills assessment checklist; and (6) a student satisfaction survey. Data were analyzed using descriptive statistics (frequency, percentage, mean, standard deviation), the Modified Priority Needs Index (PNImodified) to identify critical training needs, and paired-samples t-tests to compare pre- and post-training BLS skill scores. The research result indicated that: 1) The primary need for the training model was identified as the development of highly realistic simulation scenarios depicting unconscious, non-breathing victims for basic life support (BLS) practice. The foremost need identified for the BLS training model was the creation of highly realistic simulation scenarios depicting unconscious, non-breathing victims. 2) The developed training model comprised three phases and seven key steps: 2.1 Preparation Phase: (1) Pre-training assessment; (2) Theoretical instruction; (3) Readiness briefing 2.2 Implementation Phase: (4) Scenario-based simulation and 2.3 Consolidation Phase: (5) Debriefing; (6) Post-training assessment; (7) Summative evaluation 3) Statistical analysis demonstrated a significant improvement in students’ BLS skills following the intervention (p
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
วงษ์กิติโสภณ, วิไลภรณ์, "การพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน
โดยใช้อุปกรณ์อัจฉริยะด้วยสถานการณ์จำลองเป็นฐานสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย" (2024). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 74325.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/74325