Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
วิเคราะห์เดี่ยวขลุ่ยเพียงออเพลงกราวใน ทางครูจำเนียร ศรีไทยพันธุ์
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A musical analysis of Khlui-Pieng-Or solo : a case study of Krujumniean Srithaipan’s Krawnai
Year (A.D.)
2006
Document Type
Thesis
First Advisor
บุษกร สำโรงทอง
Faculty/College
Faculty of Fine and Applied Arts (คณะศิลปกรรมศาสตร์)
Degree Name
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ดุริยางค์ไทย
DOI
10.58837/CHULA.THE.2006.1742
Abstract
การศึกษาวิเคราะห์เดี่ยวขลุ่ยเพียงออเพลงกราวใน ทางครูจำเนียร ศรีไทยพันธุ์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาวิเคราะห์ความเป็นมาของเพลงกราวใน โครงสร้างทำนองหลักเพลงกราวใน อัตราจังหวะสองชั้น ซึ่งเป็นต้นแบบสำหรับการประดิษฐ์ทางเดี่ยว วิธีการดำเนินทำนองและการใช้กลวิธีพิเศษต่าง ๆ ของเดี่ยวขลุ่ยเพียงออเพลงกราวใน ซึ่งถือว่าเป็นเพลงเดี่ยวขั้นสูง และประวัติชีวิตครูจำเนียร ศรีไทยพันธุ์ ผู้ประพันธ์เดี่ยวขลุ่ยเพียงออเพลงกราวใน การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้วิเคราะห์องค์ประกอบทั้งทำนองหลักเพลงกราวใน อัตราจังหวะสองชั้น และเพลงกราวในทางเดี่ยวขลุ่ยเพียงออ ซึ่งประกอบด้วย วิธีการดำเนินทำนอง การใช้กลวิธีพิเศษในการเดี่ยว ระดับเสียง จังหวะ และการเคลื่อนที่ของท่วงทำนอง ประกอบกับข้อมูลจากการศึกษาเอกสารและการสัมภาษณ์ ครู-อาจารย์ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีไทย ผลการศึกษาวิจัย พบว่า จำนวนลูกโยนในทำนองหลักและทำนองทางเดี่ยวนั้น มีไม่เท่ากัน กล่าวคือ ในทำนองหลักมีกลุ่มเสียงลูกโยน 10 กลุ่ม แต่ในทำนองทางเดี่ยวมีกลุ่มเสียงลูกโยน 8 กลุ่ม และความยาวจังหวะหน้าทับของทำนองหลักกับทำนองทางเดี่ยว มีความยาวที่ไม่เท่ากัน แต่ในเนื้อทำนองแท้ของเพลงมีความยาวจังหวะหน้าทับที่เท่ากัน นอกจากนี้ ในเรื่องของระดับเสียงพบว่ามีการใช้ระดับเสียงอยู่ 3 ระดับเสียง คือ ระดับเสียงเพียงออบน ระดับเสียงเพียงออล่าง และระดับเสียงนอก ลักษณะของการบรรเลงเดี่ยวเพลงกราวในนี้ พบว่า มีการดำเนินทำนองแบบเก็บ แบบลอยจังหวะ และมีการใช้กลวิธีพิเศษต่าง ๆ เช่นการปริบเสียง การสะบัด เป็นต้น เพื่อทำให้การดำเนินทำนองเกิดความไพเราะและหลากหลาย เดี่ยวขลุ่ยเพียงออเพลงกราวใน ทางครูจำเนียร ศรีไทยพันธุ์ จึงเป็นเพลงเดี่ยวขั้นสูง ที่มีความไพเราะและมีความวิจิตรพิสดารเป็นอย่างยิ่ง
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
The study of the musical analysis of KHLUI-PIENG-OR : a case study of KRUJUMNIEAN SRITHAIPAN is firstly aimed to study the history of PLENG-GRAUW-NAI, the melody structure and simple duple time. This melody was the model for melody regulation and specific method of KHLUI solo which is an advanced solo piece and authorize music And the second object is aimed to study biography of KRUJUMNIEAN SRITHAIPAN, the author of PLENG-GRAUW-NAI This study, the researcher had analyzed both main melody, double beats, and PLENG-GRAUW-NAI solo by KHLUI-PIENG-OR. It was included with melodic movement, the specific method of KHLUI solo, tone, rhythm, and melodic motion. And the researcher had studied throughout documentary studies and interview many professionals in Thai music. The result of the study found that the number of LOOK-YON in the main melody was not equal with the solo one. There were 10 groups of LOOK-YON in the main melody but there were only 8 in the solo. More over the length of the beat NA-TAB of the main melody and the solo was not equal with each other. In addition, in the case of scale it was found that there were 3 scale ; PIENG-OR-BON, PIENG-OR-LANG and SIENG-NOK. The solo playing of PLENG-GRAUW-NAI was found that there were the full melody, none-zhythmic style and specific method used for promote the song for aesthetic taste such as PRIB, SA-BUD etc. The PLENG-GRAUW-NAI by KHLUI-PIENG-OR in KRUJUMNIEAN SRITHAIPAN’S style advanced is the most and marvelous musical solo piece.
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
มานะสมปอง, วรพจน์, "วิเคราะห์เดี่ยวขลุ่ยเพียงออเพลงกราวใน ทางครูจำเนียร ศรีไทยพันธุ์" (2006). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 72418.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/72418