Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Year (A.D.)
2018
Document Type
Independent Study
First Advisor
ปิติ เอี่ยมจำรูญลาภ
Second Advisor
วสวัสดิ์ ชูเชิด
Faculty/College
Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)
Degree Name
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
กฎหมายเศรษฐกิจ
DOI
10.58837/CHULA.IS.2018.31
Abstract
ในการคำนวณรายได้ รายจ่ายและกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียมสำหรับกิจการสำรวจและปิโตรเลียมนั้น พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียมกำหนดให้คำนวณตามวิธีการ หลักเกณฑ์ และการปฏิบัติทางบัญชีที่เหมาะสมซึ่งใช้อยู่เป็นปกติในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม และ ให้หักรายจ่ายตามปกติและจำเป็นในจำนวนไม่เกินสมควรและได้จ่ายไปในกิจการปิโตรเลียม ไม่ว่าจะจ่ายในหรือนอกราชอาณาจักร โดยมีมาตราที่เกี่ยวข้องในการคำนวณกำไรสุทธิ คือ มาตรา 22 กล่าวถึงเรื่องรายได้ มาตรา 24 กล่าวถึงและยกตัวอย่างของรายจ่ายตามปกติและจำเป็น มาตรา 25 กล่าวถึงรายการที่มิให้ถือเป็นรายจ่ายตามปกติและจำเป็น และมาตรา 26 กล่าวถึง การคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม มาตรา 24 (2) กำหนดว่า ค่าแรงงาน ค่าบริการ ค่าวัสดุสิ้นเปลือง และรายจ่ายทำนองเดียวกันอย่างอื่นที่ใช้ในการเจาะเพื่อสำรวจหรือเพื่อผลิต เป็นลักษณะของรายจ่ายตามปกติและจำเป็น สามารถนำไปเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิทางภาษีได้ ในขณะที่ มาตรา 26 (11) แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกันได้กล่าวถึงวิธีคำนวณราคาทุนของสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี จากบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว ทำให้กิจการที่อยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมมีแนวปฏิบัติสำหรับการคำนวณกำไรสุทธิเมื่อทำการผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียมที่แตกต่างกัน โดยมี 2 แนวทางดังนี้ คือ แนวทางที่ 1. เมื่อผลิตปิโตรเลียมได้ จะถือรายจ่ายตามมาตรา 24 (2) เป็นรายจ่ายทันทีในรอบบัญชีนั้น (Treated as expenses) ในงบกำไรขาดทุน หรือ แนวทางที่ 2. เมื่อผลิตปิโตรเลียมได้ จะถือรายจ่ายตามมาตรา 24 (2) เป็นสินค้าคงเหลือในรอบบัญชีนั้น (Treated as inventory) ในงบแสดงฐานะทางการเงิน และถือเป็นรายจ่ายในงบกำไรขาดทุนในรอบบัญชีที่ขายปิโตรเลียม การถือปฏิบัติต่อรายจ่ายดังกล่าวที่แตกต่างกันตาม 2 วิธีนั้น ส่งผลให้กำไรสุทธิเพื่อคำนวณภาษีเงินได้ปิโตรเลียมของกิจการในรอบบัญชีที่ผลิตปิโตรเลียมไม่เท่ากัน จากการศึกษาปัญหาดังกล่าว การถือปฏิบัติต่อรายจ่ายตามมาตรา 24 (2) แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ควรปฏิบัติตามแนวทางที่ 2 คือ ถือเป็นต้นทุนสินค้าในรอบบัญชีที่ผลิต และรับรู้เป็นรายจ่ายในรอบบัญชีที่ขายปิโตรเลียม เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้การคำนวณกำไรสุทธินั้น ต้องใช้วิธีปฏิบัติทางบัญชีให้เหมาะสม ซึ่งตามหลักการบัญชีนั้น รายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตปิโตรเลียมต้องถือเป็นสินค้าคงเหลือในงบแสดงฐานะทางการเงิน และจะรับรู้รายจ่ายในงบกำไรขาดทุนได้เมื่อมีการขายสินค้าคงเหลือ วิธีนี้ทำให้รายจ่ายที่เกิดขึ้นสัมพันธ์โดยตรงกับรายได้ ทำให้กำไรสุทธิในรอบบัญชีที่ผลิตและขายถูกต้อง เหมาะสม และแสดงประสิทธิผลในการดำเนินงานที่แท้จริงของกิจการในรอบบัญชีนั้นได้ชัดเจน นอกจากนี้ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่กิจการคำนวณได้นั้น จะเป็นมูลค่าที่มีความเหมาะสมและเป็นธรรมแก่รัฐและกิจการปิโตรเลียม เนื่องจากเป็นการคำนวณตามกำลังความสามารถในการเสียภาษีของกิจการในรอบบัญชีนั้น
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เลิศมาลัยมาลย์, ฉัตริน, "การรับรู้รายได้และรายจ่ายตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ศึกษากรณีรายได้และรายจ่ายสำหรับการผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียม สำหรับกิจการปิโตรเลียม" (2018). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 6853.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/6853