Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการสื่อสารกับความทันสมัยของประชาชน ในท้องที่บางชัน เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The relationship between communication behavior and modernity of the people in Bangchan area, Minburi, Bangkok

Year (A.D.)

1981

Document Type

Thesis

First Advisor

ธนวดี บุญลือ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การประชาสัมพันธ์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1981.286

Abstract

การพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง จะประสบความสำเร็จได้เพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือ “บุคคล" ปัจจัยทางด้านบุคคลที่มีลักษณะเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาประเทศประการหนึ่ง คือ การเป็นคนทันสมัย ( Modern man ) การที่บุคคลจะพัฒนาเป็นคนทันสมัยนั้น จะต้องมีคุณลักษณะทางด้านความรู้สึกนึกคิด หรือ ทางด้านจิตวิทยา และพฤติกรรมบางประการ คุณลักษณะดังกล่าวรวมเรียกได้ว่า “ ความทันสมัย" ( Modernity ) ซึ่งประกอบด้วย แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ( Achievement Motivation ) ความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและการยอมรับนวกรรม ( Change Orientation and Innovativeness ) การเข้าใจบทบาทผู้อื่น ( Empathy ) และความมุ่งหวังในการประกอบอาชีพ ( Occupation Aspiration ) การศึกษาครั้งนี้ มุ่งที่จะศึกษาในเรื่องความทันสมัย โดยได้ทำการศึกษาที่ท้องที่บางขัน เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ลักษณะสังคมที่ “ บางขัน “ นี้ เป็นลักษณะสังคมซึ่งกำลังเปลี่ยนผ่านจากสังคมเกษตรกรรมไปสู่สังคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าศึกษาว่า ประชาชนที่อยู่อาศัยในสังคมที่มีลักษณะเช่นนี้ จะมีความทันสมัยเป็นอย่างไร จึงได้ทำการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ทำนาและกลุ่มที่ทำงานในโรงงาน ดังนั้น วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้จึงได้แก่ ( 1 ) เพื่อเปรียบเทียบระดับความทันสมัยระหว่างกลุ่มผู้ประกอบอาชีพทำนา และกลุ่มผู้ประกอบอาชีพในโรงงาน ( 2 ) เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการสื่อสารกับความทันสมัยของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพทำนา และกลุ่มผู้ประกอบอาชีพในโรงงาน ( 3 ) เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยประชากรกับความทันสมัยของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพทำนา และกลุ่มผู้ประกอบอาชีพในโรงงาน และ ( 4 ) เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมกับความทันสมัยของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพทำนาและกลุ่มผู้ประกอบอาชีพในโรงงาน วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลได้กระทำโดยการวิจัยเชิงสำรวจ ( Survey Research ) จากผลการวิจัยพบว่า ( 1 ) ระดับของความทันสมัยเมื่อพิจารณาทั้งสองกลุ่มอาชีพ ( กลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนา และกลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน) ส่วนใหญ่ จะอยู่ในระดับปานกลาง แต่กลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงานจะมีระดับของความทันสมัยสูงกว่ากลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนา ( 2 ) กลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงานมีระดับของแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงกว่ากลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนา ( 3 ) กลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน มีระดับของความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและการยอมรับนวกรรมสูงกว่ากลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนา ( 4 ) กลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน มีระดับของการเข้าใจบทบาทผู้อื่นสูงกว่ากลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนา และ ( 5 ) กลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน มีระดับของความมุ่งหวังในการประกอบอาชีพสูงกว่ากลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนา ผลการวิจัยโดยสรุป พบว่า 1) ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความทันสมัย เมื่อพิจารณารวมทั้งสองกลุ่มอาชีพ ( กลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนา และ กลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน ) เรียงตามลำดับความสำคัญดังนี้ ( 1 ) การเปิดรับสื่อมวลชน ( การอ่านหนังสือพิมพ์ การฟังวิทยุ และการชมโทรทัศน์ ) ( 2 ) การสื่อสารระหว่างบุคคล ( ครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ) ( 3 ) การศึกษา ( 4 ) เพศชาย และ ( 5 ) การปลีกตัวออกจากสังคมในระดับต่ำ 2 ) ปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ เมื่อพิจารณารวมทั้งสองกลุ่มอาชีพ คือ การปลีกตัวออกจากสังคมระดับต่ำ 3 ) ปัจจัยทีมีความสำคัญมากที่สุด ต่อความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและการยอมรับนวกรรม เมื่อพิจารณารวมทั้งสองกลุ่มอาชีพคือ การเปิดรับสื่อมวลชน ( การอ่านหนังสือพิมพ์ การฟังวิทยุ และการชมโทรทัศน์ ) 4) ปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุด ต่อการเข้าใจบทบาทผู้อื่น เมื่อพิจารณารวมทั้งสองกลุ่มอาชีพคือ การสื่อสารระหว่างบุคคล ( ครอบครัว และกลุ่มเพื่อน ) 5) ปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อความมุ่งหวังในการประกอบอาชีพ เมื่อพิจารณารวมทั้งสองกลุ่มอาชีพคือ การอ่านหนังสือพิมพ์ ผลการวิจัยเมื่อพิจารณาแยกตามกลุ่มอาชีพพบว่า ( 1 ) ปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุด สำหรับความทันสมัยของกลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนาได้แก่ การสื่อสารระหว่างบุคคล ( ครอบครัว และกลุ่มเพื่อน ) ในขณะที่ การเปิดรับสื่อมวลชน ซึ่งได้แก่ การอ่านหนังสือพิมพ์ การฟังวิทยุ และการชมโทรทัศน์ เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับกลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน ( 2 ) ปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุด สำหรับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของกลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนาได้แก่ การสื่อสารกับบุคคลภายนอกสังคม ในขณะที่การปลีกตัวออกจากสังคมต่ำ เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับกลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน ( 3 ) ปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง และการยอมรับนวกรรมของกลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนา ได้แก่ สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมในขณะที่การสื่อสารระหว่างบุคคล (ครอบครัว และกลุ่มเพื่อน) เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับกลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน ( 4 ) ปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับการเข้าใจบทบาทผู้อื่น ของกลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนาและ กลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน ได้แก่ การสื่อสารระหว่างบุคคล (ครอบครัว และ กลุ่มเพื่อน) (5 ) ปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุด สำหรับความมุ่งหวังในการประกอบอาชีพของกลุ่มที่ประกอบอาชีพทำนา ได้แก่ การสื่อสารกับบุคคลภายนอกสังคม ในขณะที่ การอ่านหนังสือพิมพ์ เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับกลุ่มที่ประกอบอาชีพในโรงงาน ผลการวิจัยทั้งหมดนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในการนำเอา “พฤติกรรมการสื่อสาร"มาประยุกต์ใช้ในการวางแผนเพื่อการศึกษานอกระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับประเทศไทย

Share

COinS