Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

อิทธิพลของการเคลื่อนที่ของอากาศรอบตัวต่อความสามารถ ในการทำงานของร่างกาย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Influence of ambient air movement on physical working capacity

Year (A.D.)

1981

Document Type

Thesis

First Advisor

อวย เกตุสิงห์

Second Advisor

อนันต์ อัดชุ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

พลศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1981.184

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาถึงความสามารถในการทำงานของร่างกาย ภายใต้อิทธิพลของการเคลื่อนที่ของอากาศรอบตัว ช้า เร็วและนิ่ง ประชากรเป็นนิสิตชาย ชั้นปีที่ 3 และชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (พลศึกษา) ที่มีสุขภาพดีซึ่งอาสาสมัครเข้ารับการทดลอง จำนวน 12 คน กำหนดให้ผู้ถูกทดลองทุกคนมารับการทดสอบ PWC₁₇₀ (Physical Working Capacity at Heart Rate of 170/min) ภายในห้องอุณหภูมิปกติ (26-28 ℃) ความชื้นสัมพัทธ์ 70 ± 5% ในสภาวะต่างๆ ซึ่งทดลองห่างกันครั้งละไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง ดังนี้ 1). ภาวะการเคลื่อนที่ของอากาศรอบตัว ช้า (4 กม./ชม.) 2). ภาวะการเคลื่อนที่ของอากาศรอบตัวเร็ว (16 กม./ชม.) 3). ภาวะอากาศรอบตัวอยู่นิ่ง เริ่มการทดลองโดยให้ทำงานด้วยปริมาณเริ่มต้น 70% ของ PWC₁₇₀ ของแต่ละคนที่ทำได้ในการทดลองเบื้องต้น และเพิ่มงานขึ้น 25 วัตต์ ทุกๆ 2 นาที จนผู้ถูกทดลองมีอัตราชีพจรถึง 170 ครั้ง ต่อนาที บันทึกปริมาณงานที่ทำได้เป็นวัตต์ จากการวิจัยพบว่า 1). ผลการทดสอบ PWC₁₇₀ ในอากาศรอบตัวที่เคลื่อนที่กับในอากาศที่อยู่นิ่ง, มีความตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 2). ความสามารถในการทำงานในอากาศรอบตัวที่เคลื่อนที่เร็ว (16 กม./ชม.) และช้า (4 กม./ชม.) ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 การทำงานในอากาศรอบตัวซึ่งเคลื่อนที่เร็ว (16 กม./ชม.) และช้า 4 กม./ชม.) มีประสิทธิภาพดีกว่าการทำงานในอากาศพี่อยู่นิ่ง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 3). จึงสรุปได้ว่า การออกกำลังหนักและนานในอากาศรอบตัวที่เคลื่อนที่เร็ว (16 กม./ชม.) หรือช้า (4 กม./ชม.) ก็ตาม จะช่วยให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น

Share

COinS