Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความต้องการเงิน จากต่างประเทศเพื่อชดเชยปัญหาทางการค้า

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The foreign capital needs for financing trade deficit

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

สุรชัย พัฒนจิตวิไล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

เศรษฐศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.18

Abstract

เงินทุนจากต่างประเทศไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อประเทศผู้นำเงินทุนเข้าเพิ่มขึ้นเท่านั้นแต่ยงมีความสำคัญต่อประเทศผู้ส่งเงินทุนออกด้วย สำหรับประเทศผู้ส่งเงินทุนออกการลงทุนโดยตรงในประเทศด้อยพัฒนาเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ในฐานะที่ประเทศกำลังพัฒนาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีส่วนร่วมในตลาดส่งออกของโลกมาขึ้นส่วนประเทศที่นำเงินทุนเข้านั้นเงินทุนจากต่างประเทศถือว่าเป็นทรัพยากรพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับประเทศไทยซึ่งยังคงถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและเป็นเศรษฐกิจแบบเปิดประกอบกับมีปัญหาทางการค้าและการเงินระหว่างประเทศมากขึ้นโดยลำดับอีกด้วยการหาทรัพยากรเงินทุนจากภายนอกประเทศเพื่อชดเชยปัญหาดังกล่าวจึงเป็นไปในระดับสูงและขยายตัวอย่างรวดเร็วจนอาจจะก่อให้เกิดวิกฤติการณ์ด้านภาระหนี้ต่างประเทศได้ในที่สุดดังนั้นในการศึกษานี้จึงพยายามที่จะศึกษาถึงปัญหาการค้าระหว่างประเทศของไทยที่ทำให้ประเทศไทยมีรายได้เงินตราต่างประเทศอันจำกัดสำหรับในการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อทราบถึงบทบาทและขนาดความต้องการทรัพยากรทุนจากต่างประเทศประกอบกับระดับการพึ่งพิงเงินทุนจากต่างประเทศและประสิทธิภาพของการใช้ทุนจากต่างประเทศเป็นอย่างไรโดยอาศัยข้อมูลอนุกรมเวลาในระหว่างปี 2509 – 2526 โดยวิธี Ordinary Least Squases (OLS) นอกจากนี้จะได้อาศัยแบบจำลองทางเศรษฐมิติทำการประมาณการขนาดของความต้องการเงินทุนจากต่างประเทศเพื่อชดเชยปัญหาการค้าอันเป็นผลก่อให้เกิดภาระหนี้อย่างไรและจากการประมาณการดังกล่าวทำให้สามารถศึกษาถึงระดับการพึ่งพิงเงินทุนจากต่างประเทศประสิทธิภาพของการใช้ทุนจากต่างประเทศและความสามารถในการชำระหนี้เมื่อเทียบกับรายได้เงินตราต่างประเทศจากการส่งออกและผลิตภัณฑ์ประชาชาติในอนาคตได้ในการศึกษาพบว่าในระหว่างปี 2509-2526 ขนาดของปัญหาการค้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดจาก 1.0 พันล้านบาทในปี 2510 เป็น 66.1 พันล้านบาทในปี 2526 ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยต้องพึ่งพาต่างประเทศทั้งในแง่ของสินค้าเข้าที่จำเป็นเช่นสินค้าทุน วัตถุดิบและพลังงานและในแง่ของความไม่สามารถขยายตลาดสินค้าของไทย เป็นผลให้เงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะในรูปเงินกู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเช่นกัน สำหรับแนวโน้มในอนาคตปรากฏว่าขนาดของปัญหาการค้า ในช่วงปี 2527-2530 มีอัตราเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 4.0 ต่อปีภาระหนี้ต่างประเทศทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยในช่วงปี 2525-2528 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 ต่อปีทำให้ความสามารถในการชำระหนี้เมื่อเทียบกับรายได้เงินตราต่างประเทศจากการส่งออกและผลิตภัณฑ์ประชาชาติจะสูงขึ้นจากร้อยละ 18.5 และ 4.0 ในปี 2526 ตามลำดับเป็นร้อยละ 19.0 และ 4.2 ในปี 2528 ตามลำดับ นอกจากนี้พบว่าประเทศไทยมีระดับการพึ่งพิงเงินทุนจากต่างประเทศอยู่ในระดับปานกลาง (0.35) และมีประสิทธิภาพของการใช้ทุนค่อนข้างต่ำ (0.64) เมื่อวัดในรูปของราคาปัจจุบันซึ่งตามสภาพความเป็นจริงของการพัฒนาเศรษฐกิจไทยนับตั้งแต่เริ่มพัฒนาเศรษฐกิจมาจนถึงปัจจุบันจะพบว่าทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและในปริมาณที่ขยายตัวขึ้นโดยตลอดส่วนการวัดในรูปของราคาคงที่ปรากฏว่าระดับการพึ่งพิงเงินทุนจากต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ (0.05) และประสิทธิภาพในการใช้ทุนจากต่างประเทศสูง (0.83) ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทั้งนี้อาจเนื่องจากมีความบกพร่องในการใช้ดัชนีราคาในการปรับข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณแตกต่างกัน ดังนั้นจากผลการศึกษาทั้งหมดนี้จึงชี้ให้เห็นว่าปัญหาการค้าระหว่างประเทศของประเทศไทยคงเป็นปัญหาอยู่ซึ่งเป็นผลให้ประเทศไทยยังจำเป็นต้องพึ่งทุนจากต่างประเทศในขณะเดียวกันมีประสิทธิภาพในการใช้ทุนจากต่างประเทศค่อนข้างต่ำดังนั้นจึงควรจะได้มีการแก้ไขอย่างรีบด่วนและต่อเนื่องโดยทั้งพัฒนาการผลิตและส่งเสริมการส่งออกประกอบกับลดการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศและหันมาใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าที่ผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้น

Share

COinS