Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

เทคนิคในการประมาณค่าการทรุดตัวของอาคารสูงในกรุงเทพมหานคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Techniques in settlement prediction of highrise building in Bangkok Metropolis

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

สุรฉัตร สัมพันธารักษ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิศวกรรมโยธา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.585

Abstract

การวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาถึงการทรุดตัวของอาคารสูง จำนวน 6 หลัง ในสถานที่ก่อสร้าง 5 แห่ง ในบริเวณกรุงเทพมหานคร การวิเคราะห์ค่าการทรุดตัวของอาคาร กระทำโดยวิธี Convention ของ Terzaghi วิธี Convention ของ Tomlinson และวิธี Modified Theory of Elasticity ของ Poulos และ Davis โดยใช้ข้อมูลประกอบที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุดเท่าที่จะหาได้ แล้วเปรียบเทียบผลที่ได้กับการวัดค่าการทรุดตัวจริงพบว่า การทรุดตัวทั่วบริเวณอาคารจะมีลักษณะคล้ายแอ่งตื้นๆ โดยที่ขณะก่อสร้างอัตราการทรุดตัวจะค่อนข้างช้าในช่วงแรก และเร็วขึ้นในช่วงหลัง อัตราการทรุดตัวนี้ จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออัตราการเพิ่มน้ำหนักบรรทุกลดลง ค่าการทรุดตัวรวมที่ได้จากการวัดเมื่อปรับแก้แล้วมักมีค่าประมาณ 10 เซนติเมตร หรือมากกว่า การประมาณค่าการทรุดตัวสุดท้าย โดยวิธี Convention ของ Terzaghi จะได้ผลน่าพอใจในอาคารบางแห่งเท่านั้น ขณะที่วิธี Convention ของ Tomlinson เมื่อพิจารณาสภาพชั้นดินใต้ฐานรากเป็นชั้นดินที่มีการระบายน้ำที่ดี เฉลี่ยเพียงชั้นเดียว ได้ผลใกล้เคียงในเกณฑ์ที่น่าพอใจพอควรคือโดยเฉลี่ยประมาณ 1.2 เท่า ของค่าที่ได้จากการวัด ส่วนวิธี Modified Theory of Elasticity ของ Poulos และ Davis เมื่อพิจารณาให้ฐานรากของอาคารเป็น Flexible mat ก็ได้ผลใกล้เคียงในเกณฑ์ที่น่าพอใจ คือ โดยเฉลี่ยประมาณ 0.9 เท่าของค่าที่ได้จากการวัด โดยแยกออกเป็นการทรุดตัวเนื่องจากชั้นทรายใต้ฐานรากประมาณ 10-40% ของค่าการทรุดตัวรวม นอกจากนี้ยังพบว่า ค่าการทรุดตัวของอาคารสูงที่ได้จากการวัด มีความสัมพันธ์กับหน่วยแรงเค้นทางดิ่ง ความกว้างของอาคารและความยาวของเสาและความยาวของเสาเข็มที่ฝังอยู่ในชั้นดินแข็ง

Share

COinS