Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

พระสงฆ์ในชนบทภาคอีสานกับการพัฒนาตามหลักการพึ่งตนเอง

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The monks in the northeast and the development of the people's self-reliance in rural communities

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

อมรา พงศาพิชญ์

Second Advisor

สมบูรณ์ สุขสำราญ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

สังคมวิทยามหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.559

Abstract

การพัฒนาชนบทของไทยเท่าที่ผ่านมา รัฐบาลเป็นแกนกลางสำคัญในการวางแผนพัฒนา โดยเป็นผู้กำหนดนโยบายและแนวทางการพัฒนาจากส่วนกลาง และมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ คือข้าราชการเป็นผู้นำไปดำเนินการ และยิ่งไปกว่านั้นแผนงานและโครงการที่เสนอให้ดำเนินการมักเป็นการเสนอให้สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางของรัฐบาลเป็นสำคัญ โดยขาดความสนใจถึงข้อเท็จจริงว่าแผนงานหรือโครงการต่างๆ ที่ได้นำไปเสนอให้ชนบทพัฒนาจะสอดคล้องกับความต้องการและเหมาะสมต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวชนบทเพียงไร ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่แผนพัฒนาชนบทของรัฐบาลแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ชาวชนบทไม่สามารถพึ่งตนเองได้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวชนบทในภาคอีสาน ต่อประเด็นปัญหาเหล่านี้ บรรดานักวิชาการทางการพัฒนาทั้งหลาย ได้เสนอให้แก้ไขนโยบายพัฒนาชนบทด้วยการมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวชนบท โดยประกาศใช้แผนพัฒนาชนบทพื้นที่ยากจน แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ดังนั้นผู้ศึกษาจึงสนใจที่จะศึกษาถึงแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวชนบทด้วยการผ่านสื่อการพัฒนาอื่นๆ ที่มิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐว่าจะประสบผลสำเร็จเพียงไร ซึ่งจากการทบทวนบทบาทของผู้นำชุมชนต่างๆ เห็นว่าพระสงฆ์เป็นผู้ที่มีบทบาทน่าสนใจ อาจจะสามารถเป็นสื่อการพัฒนาให้ชาวชนบทสามารถเข้าร่วมกันพัฒนาตนเอง หรือร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ของชุมชน เพื่อให้ทั้งตนเองและชุมชนสามารถพึ่งตนเองไม่ต้องรอรับการช่วยเหลือสงเคราะห์จากรัฐบาลดังเช่นที่ผ่านมา แต่ด้วยความไม่แน่ใจในข้อสันนิษฐานดังกล่าว จึงต้องการจะศึกษาถึงบทบาทของพระสงฆ์ในภาคอีสานว่า จะสามารถช่วยพัฒนาให้ชาวชนบทอีสานพึ่งตนเองได้จริงเพียงไร ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงแรก เป็นการสำรวจข้อมูลเบื้องต้น โดยการออกไปสัมภาษณ์และสังเกตการณ์บทบาทการพัฒนาของพระสงฆ์จากตัวอย่างที่คัดเลือกไว้ 38 รูป ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้พบข้อสรุปที่น่าสนใจซึ่งสามารถจำแนกบทบาทการพัฒนาชนบทของพระสงฆ์ได้เป็น 4 ลักษณะด้วยกัน คือ (1) บทบาทการพัฒนาแบบสงเคราะห์พัฒนา (2) บทบาทการพัฒนาที่พระสงฆ์เป็นผู้นำ (3) บทบาทการพัฒนาที่พระสงฆ์เป็นผู้ประสานงาน (4) บทบาทการพัฒนาที่พระสงฆ์เป็นพี่เลี้ยงประชาชน ช่วงหลัง เป็นการศึกษาเฉพาะกรณี โดยการเข้าไปสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่และสถานการณ์การพัฒนาชนบทในชุมชนที่มีพระสงฆ์นักพัฒนาในบทบาทการพัฒนาที่แตกต่างกันทั้ง 4 ลักษณะดังกล่าว โดยได้คัดเลือกมาประเภทละ 1 รูป แล้วเข้าไปศึกษาสังเกตรายละเอียดข้อมูลพื้นฐาน และพฤติกรรมการพัฒนาชนบททั้งของผู้นำการพัฒนาและผู้รับการพัฒนา จากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลทั้งสองช่วง ได้พบว่าลักษณะกิจกรรมการพัฒนาชนบทของพระสงฆ์ในภาคอีสาน มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การแก้ไขความทุกข์ยากของชาวชนบท แต่การดำเนินโครงการของพระสงฆ์ส่วนใหญ่ยังขาดการส่งเสริมการพึ่งตนเองของชาวชนบท โดยมีอุปสรรคสำคัญคือ พระสงฆ์ส่วนใหญ่แสดงบทบาทในฐานะเป็นผู้นำการพัฒนา ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเองน้อยมาก นอกจากนี้ยังได้ทราบว่าถ้าจะพัฒนาและแก้ไขปัญหาของชาวชนบทภาคอีสานในปัจจุบันได้ แนวทางที่เหมาะสมที่สุด คือ การสร้างเสริมให้ชาวชนบทภาคอีสานสามารถพึ่งตนเองทางการพัฒนาได้ ซึ่งในขั้นแรกควรจะช่วยกันพัฒนาศักยภาพของชาวชนบท ด้วยการพัฒนาจิตสำนึกทางการพัฒนาตนเอง พร้อมทั้งการให้ข่าวสารความรู้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความเข้าใจในหลักการพัฒนาแก่ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และพระสงฆ์ รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรมการพัฒนาที่จะสนับสนุนพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในทุกขั้นตอน ตลอดจนการให้ความสนับสนุนด้านทรัพยากรที่จำเป็นต่อการพัฒนา แต่จะต้องเป็นการสะท้อนขึ้นมาจากชาวบ้านส่วนใหญ่ มิใช่มาจากผู้นำบางคน หรือเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ เป็นผู้ตัดสินให้ ดังนั้นการทำงานพัฒนาชนบทของพระสงฆ์จึงไม่อาจจะดำเนินการอย่างอิสระได้ ควรจะประสานงานกับหน่วยงานของรัฐบาล องค์กรเอกชน และผู้นำชุมชน ควรจะหันมาปรึกษาหารือกัน เพื่อหาหนทางที่จะผสมผสานการทำงานร่วมกัน มิให้เกิดสภาพการทำงานที่ขัดแย้งกัน หรือทำไปคนละทิศละทาง จนกระทั่งชาวชนบทไม่ทราบว่าควรจะแสดงบทบาทอย่างไร และที่สำคัญยิ่งคือทุกๆ ฝ่ายควรจะเข้าไปส่งเสริมการพัฒนาโดยการฝึกฝนและผลักดันการมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเองของชาวชนบทให้มากขึ้น ซึ่งในเบื้องแรกนั้น ทุกฝ่ายจะต้องย้อนมาทบทวนบทบาทของตนเองให้ชัดเจนเสียก่อนว่า การทำงานที่ผ่านมาได้ช่วยส่งเสริมการพึ่งตนเองของชาวชนบทเพียงไร ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญอยู่ที่ไหน และควรจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างไร กล่าวโดยสรุปก็คือทุกๆ ฝ่ายควรจะหันมาพัฒนาตนเองให้พร้อมต่อการเป็นสื่อการพัฒนาที่ดีเสียก่อนที่จะออกไปพัฒนาชาวชนบท มิเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ชาวชนบทอย่างทับทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีก

Share

COinS