Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

บทบาทของข้าราชการปกครองส่วนภูมิภาค ในการพัฒนาการเมืองการปกครองท้องถิ่น : ศึกษาเฉพาะกรณีภาคใต้ของประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The role of regional-administrative government : a case study of Southern region of Thailand

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

วิทยา สุจริตธนารักษ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

รัฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การปกครอง

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.413

Abstract

หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองในปี 2475 แล้ว ประเทศไทยได้ลอกเลียนรูปแบบการปกครองของประเทศตะวันตกมาใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองมากมายหลายครั้ง แต่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงรูปแบบเท่านั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงระบบและสภาพแวดล้อมแบบกระบวนการพัฒนา ในที่สุดกลายสภาพเป็นสมัยใหม่แต่ไม่พัฒนา อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือของบรรดาข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ระบบราชการกลายเป็นสถาบันที่มีอำนาจทางการเมืองเหนือสถาบันทางการเมืองอื่นจนกลายเป็นลักษณะการเมืองระบบราชการ บทบาทของข้าราชการมิได้มีเฉพาะในระดับรัฐบาลเท่านั้น แม้แต่ในระดับท้องถิ่นข้าราชการก็มีบทบาทอยู่อย่างมากด้วย ทั้งนี้เพราะระบอบการปกครองของไทยไม่มีการกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นอย่างแท้จริง การพัฒนาทางการเมืองที่เป็นอยู่จึงเป็นแบบที่ข้าราชการเป็นผู้กำหนดขึ้น ประชาชนเองก็เห็นว่าข้าราชการเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เป็นคนชั้นสูงในสังคมเป็นผู้ทันสมัย เป็นข้าราชการมากกว่าเป็นผู้รับใช้ประชาชน ประชาชนจึงเกิดความเคารพเชื่อถือ ในตำแหน่งหน้าที่ราชการจนกลายเป็นประเพณี ประชาชนมีที่ท่าว่าจะเป็นฝ่ายยอมรับและอยู่ในโอวาทของข้าราชการ ประชาชนมีความรู้สึกกว่าการเมืองการปกครองเป็นหน้าที่ของรัฐบาลประชาชนเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามเท่านั้น จึงอาจจะกล่าวได้ว่าเมื่อระบบราชการเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากจะทำให้การเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนมีน้อย การปกครองท้องถิ่นไทยได้วิวัฒนาการมาช้านานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ก็มีปัญหาและอุปสรรคมากมายหลายประการทำให้การเมืองการปกครองท้องถิ่นพัฒนาไปอย่างเชื่องช้ามากเป็นต้นว่า ปัญหาเกี่ยวกับหลักการปกครองตนเอง ปัญหาเกี่ยวกับการควบคุม ปัญหาเกี่ยวกับการคลัง ปัญหาอันเนื่องมาจากองค์การปกครองท้องถิ่นเอง จากการที่ข้าราชการปกครองส่วนภูมิภาคได้เข้าไปมีอำนาจหน้าที่ในองค์การปกครองท้องถิ่นอย่างมากมาแต่ต้นทั้งในด้านการร่วมมือประสานงานการควบคุม และการดำรงตำแหน่งในองค์การปกครองท้องถิ่น จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจทำการศึกษาว่าข้าราชการปกครองได้มีบทบาทในการพัฒนาการเมืองการปกครองอย่างไรแค่ไหนเพียงใด แนวความคิดและทฤษฎีการพัฒนาทางการเมืองที่หยิบยกนำมาใช้เป็นกรอบในการศึกษาวิจัยก็คือ 1. การพัฒนาทางการเมืองในความหมายของการสร้างประชาธิปไตย ตามแนวความคิดช่อง Gabriel A Almond, Sidney Verba และ G. Bingham Powel ทั้งนี้เพราะการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นจุดหมายปลายทางของระบบการเมืองไทย 2. การพัฒนาทางการเมืองในความหมายของการเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองตามแนวคิดของ Lucian W Pye Myron Weiner ทั้งนี้เพราะการเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตย 3. การพัฒนาทางการเมืองในความหมายของการสร้างสถาบันการเมือง ตามแนวความคิดของ Samuel P Huntington ทั้งนี้เพราะองค์การปกครองท้องถิ่น เป็นสถาบันทางการเมืองในระดับท้องถิ่นที่เป็นราชฐานของระบอบประชาธิปไตย สมมติฐานของการศึกษาวิจัยมีอยู่ว่า 1. บทบาทของข้าราชการปกครองในการปลูกฝังและพัฒนาอุดมการทางการเมือง เพื่อสร้างระบบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในท้องถิ่นนั้นสัมพันธ์กับทัศนคติของตัวข้าราชการเองและความรู้ความเข้าใจและการแสดงออกของประชาชนในท้องถิ่น 2. บทบาทของข้าราชการปกครองในการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองระดับท้องถิ่นด้วยการกระตุ้นจูงใจนั้นสัมพันธ์กับการมองเห็นความสำคัญของการปกครองท้องถิ่นและการให้โอกาสแก่ประชาชนในท้องถิ่น 3. บทบาทของข้าราชการปกครองในการสร้างเสถียรภาพให้แก่องค์การปกครองท้องถิ่นนั้นสัมพันธ์กับความเป็นสถาบันทางการเมืองขององค์การปกครองท้องถิ่น 4. บทบาทของข้าราชการการปกครองในการสนับสนุนความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบายและการตัดสินใจเพื่อนำไปสู่การกระจายอำนาจการบริหารและการปกครองนั้นสัมพันธ์กับนโยบายของรัฐบาลและความพร้อมในการปกครองตนเองของท้องถิ่น จากการศึกษาวิจัยในกรณีภาคใต้ของประเทศไทยโดยอาศัยความร่วมมือช่วยเหลือจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ผู้ตรวจการส่วนท้องถิ่นและปลัดอำเภอจำนวนทั้งสิ้น 311คน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสรุปได้ว่า 1. ข้าราชการปกครองส่วนภูมิภาคมีจิตใจที่สนับสนุนหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยมีทัศคติที่ดีต่อการกระจายอำนาจการปกครองให้แก่ท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ข้าราชการเชื่อว่าตนเป็นผู้รอบรู้และเข้าใจเรื่องการเมืองการปกครองดีกว่าประชาชน ในขณะที่ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจในทางการเมืองและยังมองไม่เห็นคุณค่าของประชาธิปไตย ข้าราชการปกครองจึงต้องมีบทบาทในการปลูกฝังและพัฒนาอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น 2. ข้าราชการปกครองส่วนภูมิภาคเห็นว่าประชาชนในท้องถิ่นมีความสำนึกทางการเมืองต่ำมาก ขาดความรู้สึกในประสิทธิภาพทางการเมือง และมองไม่เห็นความสำคัญของการปกครองท้องถิ่น ประชาชนจึงมีความรู้สึกเฉื่อยเฉยต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง ข้าราชการปกครองจึงต้องให้การศึกษาอบรม ชี้นำ และกระตุ้นจูงใจให้ประชาชนมีความกระตือรือร้นที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น 3. ข้าราชการปกครองส่วนภูมิภาคเห็นว่าองค์การปกครองท้องถิ่นมีความเป็นสถาบันทางการเมืองน้อยมาก เนื่องจากองค์การปกครองท้องถิ่นไม่สามารถสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างเพียงพอ องค์การปกครองท้องถิ่นถูกควบคุมอย่างเข้มงวด มีความขัดแย้งทางการเมืองในกิจการของท้องถิ่นอยู่เนืองๆ ข้าราชการปกครองจึงมีความรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของตนที่ต้องพิทักษ์หรือประครองการปกครองท้องถิ่นให้เป็นตามกฎหมายและมีความต่อเนื่อง 4. ข้าราชการปกครองส่วนภูมิภาคมีความเห็นว่ารัฐบาลไม่ค่อยจะเชื่อมั่นและไว้วางใจในองค์การปกครองท้องถิ่นมากนัก จึงไม่มีการกระจายอำนาจเพื่อส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นอย่างจริงจังจริงใจ ในทรรศนะข้องข้าราชการแล้วประชาชนยังไม่พร้อมที่จะปกครองตนเองความรู้สึกของข้าราชการก็คือจะเอาอย่างไรก็ตามใจรัฐบาล ข้าราชการปกครองต้องแสดงบทบาทอย่างนี้ต่อไปจนกว่ารัฐบาลจะปล่อยให้องค์การปกครองท้องถิ่นปกครองตนเอง 5. อย่างไรก็ตามบทบาทที่ข้าราชการปกครองคาดหวังว่าควรจะมีควรจะเป็นตามความคิดเห็นกับบทบาทที่เป็นจริงในการพัฒนาทางการเมืองการปกครองท้องถิ่นยังมีช่องว่างอยู่มาก

Share

COinS