Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษารายจ่ายพระราชทรัพย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (2325-2394)

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The study of the state expenditure during the early Rattanakosin period (1782-1851)

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

ปิยนาถ บุนนาค

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ประวัติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.589

Abstract

วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษารายจ่ายพระราชทรัพย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ( 2325 – 2394) อันเป็นช่วงของการก่อสร้างบ้านเมืองให้กลับมีความมั่นคงเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่งภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยา การศึกษาแบ่งออกเป็น 4 บท นอกจากบทนำและบทสรุป โดยบทที่ 1 กล่าวถึงสภาพทั่วไปทางสังคม การเมือง การปกครอง ที่เป็นสาเหตุนำไปสู่รายจ่ายพระราชทรัพย์ บทที่ 2 กล่าวถึงที่มาของรายได้ที่จะนำมาจ่ายพระราชทรัพย์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ที่มาของรายได้จากภายนอกประเทศได้แก่ การค้าสำเภาและที่มาของรายได้ภายในประเทศ ได้แก่ ส่วย อากร จังกอบ ฤชา เป็นต้น บทที่ 3 กล่าวถึงรายจ่ายพระราชทรัพย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่สำคัญ แบ่งออกได้ 3 ด้านใหญ่ๆ คือ ด้านศาสนา ด้านราชการแผ่นดิน และด้านราชสำนัก บทที่ 4 กล่าวถึงผลของรายจ่ายพระราชทรัพย์ที่มีต่อศาสนา ราชการแผ่นดิน การปกครอง และราชสำนักในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ผลของการวิจัย พบว่าในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นอันเป็นระยะก่อสร้างบ้านเมืองใหม่ พระราชทรัพย์ที่มาจากภายในและภายนอกประเทศเท่าที่ปรากฏในท้องพระคลัง รัฐได้นำมาจ่ายทั้งการส่วนพระองค์และราชการแผ่นดิน โดยให้ความสำคัญแก่ด้านศาสนา ราชการแผ่นดิน และราชสำนัก ซึ่งในสมัยนี้ได้ให้ความสำคัญแก่รายจ่ายทางด้านศาสนาอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา แม้ในยามสงครามรายจ่ายพระราชทรัพย์ ในด้านดังกล่าวนี้ก็มิได้ถูกตัดทิ้งไป เพียงแต่ลดจำนวนลงเท่านั้น ผลของรายจ่ายพระราชทรัพย์นี้ได้ส่งผลโดยส่วนรวม กล่าวคือทางด้านศาสนา รัฐได้เห็นความสำคัญทางด้านวัตถุปรากฏให้เห็นในการสร้างและทนุบำรุงวัดวาอารามอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ให้ความสนใจน้อยกับพระธรรมวินัยในศาสนาจนเกิดมีการปฏิรูปศาสนาตั้งธรรมยุตขึ้นมา ทางด้านราชการแผ่นดินโดยเฉพาะการสงคราม รัฐสามารถป้องกันเอกราชไว้ได้ในการทำสงครามกับพม่า ในขณะที่ประสบความสำเร็จบางส่วนในการทำสงครามกับญวนเพื่อป้องกันประเทศ สำหรับรายจ่ายทางด้านการปกครองคือ เบี้ยหวัดและการปูนบำเหน็จซึ่งรัฐได้จ่ายนอกเหนือจากได้ให้อยู่เป็นประจำแล้ว เป็นการแสดงถึงความพยายามที่จะสร้างความจงรักภักดีให้เกิดขึ้น แต่ไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร เพราะมีกบฏเกิดขึ้นหลายครั้งในสมัยนี้ ส่วนทางด้านราชสำนัก รายจ่ายพระราชทรัพย์ในการนี้เป็นไปเพื่อการเสริมสร้างพระราชอำนาจของสถาบันกษัตริย์เป็นสำคัญ กล่าวโดยสรุป รายจ่ายพระราชทรัพย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นได้ส่งผลกต่อบ้านเมืองเป็นสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการที่จะทำให้บ้านเมืองกลับมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

Share

COinS