Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาขนาดและรูปร่างแปลงทดลองที่เหมาะสมของข้าวฟ่าง และการเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อคสมบูรณ์ และแบบแลททิซ

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study on optimum plot size and shape for sorghum yield tests and relative efficiency between randomized complete block and lattice designs

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

สง่า ดวงรัตน์

Second Advisor

นพรัตน์ ทิสยากร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

พาณิชยศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สถิติ

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.405

Abstract

นำข้อมูลผลผลิตข้าวฟ่างจากการทดลองแบบ Uniformity trial 2ชุด มาศึกษาหาขนาดและรูปร่างของแปลงทดลองที่เหมาะสม สร้างแผนภาพแสดงความอุดมสมบูรณ์ของดินศึกษาประสิทธิภาพของการจัดบล็อก รูปร่างของบล็อก และเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างแผนแบบซิมเพิล แลททิช ทรีปเพิล แลททิช และแลททิช สแควร์ กับแผนแบบสุ่มในบล็อกสมบูรณ์ ได้ดำเนินการทดลองที่ศูนย์วิจัยข้าวโพด-ข้าวฟ่างแห่งชาติ จังหวัดนครราชสีมา และที่สถานีทดลองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างเดือนสิงหาคม 2524 – กุมภาพันธ์ 2525โดยปลูกข้าวฟ่างพันธุ์ ม.ก. 257 มีระยะปลูก 75×10 เซนติเมตร มีการปฏิบัติและดูแลเหมือนกันตลอดทั้งแปลง เก็บเกี่ยว กระเพาะเมล็ด และชั่งน้ำหนักผลผลิต แยกแต่ละหน่วยทดลองขนาด 0.75 ตารางเมตร มีจำนวน 2,304 หน่วยทดลองในแต่ละการทดลอง และมีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการทดลองเป็นชั่วโมง-แรงงานจากงานทดลองเพื่อคัดเลือกพันธุ์ข้าวฟ่างซึ่งวางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อกสมบูรณ์ จากการศึกษาได้ผลว่า 1. ดัชนีความผันแปรของดินที่ศูนย์วิจัยข้าวโพด-ข้าวฟ่างแห่งชาติ มีค่า 0.3518 และที่สถานีทดลองตากฟ้า มีค่า 0.4244 แสดงว่าความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ศูนย์วิจัยข้าวโพด-ข้าวฟ่างแห่งชาติ มีความสม่ำเสมอมากกว่าสถานีทดลองตากฟ้า 2. ขนาดของแปลงทดลองที่เหมาะสม ประเมินโดยใช้หลักการของ Smith (1938) ที่ศูนย์วิจัยข้าวโพด-ข้าวฟ่างแห่งชาติ เท่ากับ 6.0 ตารางเมตร และที่สถานีทดลองตากฟ้าเท่ากับ 9.0 ตารางเมตร 3. รูปร่างของแปลงทดลองต่างๆ ไม่แตกต่างกัน และรูปร่างที่เหมาะสมควรเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบยาว 4. แผนภาพแสดงความอุดมสมบูรณ์ของดินแสดงว่า พื้นที่ทดลองมีความอุดมสมบูรณ์ในระดับปานกลาง โดยแผนภาพของสถานีทดลองตากฟ้าปรากฏมีทิศทางของความอุดมสมบูรณ์ทิศทางเดียวจากซ้ายไปขวา แต่ไม่ชัดเจนนัก ส่วนที่ศูนย์วิจัยข้าวโพด-ข้าวฟ่างแห่งชาติไม่มีทิศทางของความอุดมสมบูรณ์ 5. การแบ่งพื้นที่ออกเป็นบล็อกเพิ่มประสิทธิภาพให้การทดลองซึ่งเป็นแปลงทดลองที่มีขนาดเหมาะสมในการศึกษา โดยจำนวนแปลงทดลองในบล็อกน้อย รูปร่างของบล็อกแบบสี่เหลี่ยมค่อนข้างจัตุรัสมีประสิทธิภาพของการจัดบล็อกสูงกว่ารูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเมื่อเพิ่มจำนวนแปลงทดลองในบล็อก รูปร่างของบล็อกแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีประสิทธิภาพดีกว่ารูปร่างแบบสี่เหลี่ยมค่อนข้างจัตุรัส 6. การเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างแผนแบบแลททิช กับแผนแบบสุ่มในบล็อกสมบูรณ์ ได้ผลว่า แลททิช สแควร์ ซิมเพิล แลททิช และ ทรีปเพิล แลททิช มีประสิทธิภาพดีกว่าแผนแบบสุ่มในบล็อกสมบูรณ์ 29 % 16% และ 9% ตามลำดับ และแลททิช สแควร์เป็นแผนการทดลองที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในจำนวนแผนแบบแลททิชทั้งสาม

Share

COinS