Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การเตรียมครูและการปฏิบัติงานของครูระดับปฐมวัยในประเทศไทย ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและอาจารย์ผู้สอนในสาขาปฐมวัย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Preparation and performance of pre-school teacher in Thailand as perceived by administrators and instructors in pre-school education
Year (A.D.)
1983
Document Type
Thesis
First Advisor
กิติยวดี บุญชื่อ
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ประถมศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1983.135
Abstract
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ มีความมุ่งหมายที่จะ 1) ศึกษาหลักสูตรการเตรียมครุระดับปฐมวัยของสถาบันเตรียมครู 2) ศึกษาคุณสมบัติของครูที่ผู้บริหารโรงเรียนระดับปฐมวัยต้องการ 3) ศึกษาความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนระดับปฐมวัยและอาจารย์ผู้สอนในสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยของวิทยาลัยครูและมหาวิทยาลัยที่มีต่อการเตรียมครูและการปฏิบัติงานของครูในระดับนี้ ตัวอย่างประชากรประกอบด้วยผู้บริหารสถาบันเตรียมครูระดับปฐมวัย อาจารย์ผู้สอนในสาขาการศึกษาปฐมวัยและผู้บริหารโรงเรียนระดับปฐมวัย โดยสุ่มตัวอย่างแบบง่ายจากประชากรทั่วประเทศ ได้ตัวอย่างประชากรทั้งสิ้น 141 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการเตรียมครูและการปฏิบัติงานของครูระดับปฐมวัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ข้อมูลที่รวบรวมได้นำมาวิเคราะห์ โดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบค่า ที (t-test) ผลการวิจัย สรุปได้ดังนี้ คือ 1) จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถาบันเตรียมครู พบว่า วิทยาลัยครูรับนโยบายและหลักสูตรตามที่เจ้าสังกัดกำหนด แต่มหาวิทยาลัยมีอิสระในการวางหลักสูตรให้เหมาะสมได้มากกว่าโครงสร้างของหลักสูตรทั้งสองคล้ายคลึงกัน โดยเน้นทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ นอกจากนี้ ได้ทราบว่า มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยครูยังมิได้สำรวจหาข้อมูลอย่างจริงจังเกี่ยวกับความต้องการหรือวางแผนร่วมกับผู้ใช้ครูระดับนี้ ตลอดจนการติดตามผลนิสิตที่จบไปแล้ว 2) จากการรายงานของผู้บริหารโรงเรียน พบว่า ในสภาพปัจจุบัน ครูปฐมวัยส่วนใหญ่เป็นหญิงและอัตราส่วนครูต่อนักเรียน 1:35 ขึ้นไปมีร้อยละ 32.35 และ 1 : 30 มีร้อยละ 29.41 วุฒิการศึกษาของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนส่วนใหญ่มีวุฒิมัธยมศึกษาปีที่ 5 รองลงไปคือวุฒิ ป.ก.ศ. ต้นและ ป.ก.ศ. สูงตามลำดับ ส่วนครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติและทบวงมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มีวุฒิ ป.ก.ศ. สูง สาขาปฐมวัยมากที่สุด รองลงไป คือ วุฒิ ป.ก.ศ.สูงสาขาอื่นและปริญญาตรี ตามลำดับ 3) คุณสมบัติของครูที่ผู้บริหารโรงเรียนส่วนใหญ่ต้องการ คือ เป็นผู้หญิง โสด มีวุฒิการศึกษา ป.ก.ศ. สูง สาขาปฐมวัย หรือผ่านการอบรมทางด้านนี้มาแล้ว และมีความสามารถพิเศษหลายด้าน 4)ในด้านกระบวนการสอน อาจารย์ในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยครูส่วนใหญ่เห็นว่า ควรมีการวางนโยบายร่วมกับสถาบันอื่น และควรมีศูนย์กลางเพื่อให้สถาบันเตรียมครูศึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน การฝึกสอนของนิสิตนักศึกษาควรใช้เวลาประมาณ 12 สัปดาห์ อาจารย์นิเทศควรมีประสบการณ์ในการสอนเด็กปฐมวัยไม่น้อยกว่า 3 ปี วิธีสอนที่อาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่ใช้ คือ บรรยาย สาธิต อภิปราย ตามลำดับ ส่วนวิธีสอนที่ผู้สอนต้องการให้นิสิตนำไปใช้ คือ บทบาทสมมติ สถานการณ์จำลองและวิธีทดลอง 5) ผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า หลักสูตรการเตรียมครูปฐมวัยควรให้ความสำคัญทุกหมวดวิชาเท่ากัน วิชาบังคับในหมวดวิชาเอก ผู้บริหารโรงเรียนส่วนใหญ่เห็นด้วย ยกเว้นวิชาการเรียนคีย์บอร์ด 1 ควรจัดเป็นวิชาเลือก สำหรับอาจารย์ผู้สอนเห็นด้วยกับทุกวิชายกเว้นวิชาการเต้นรำทำจังหวะควรจัดเป็นวิชาเลือก ส่วนวิชาเลือกนั้น วิชาที่ผู้บริหารโรงเรียนส่วนใหญ่เห็นว่าควรเป็นวิชาบังคับ คือ วิชาเครื่องมืออนุบาล และวิชาเลือกที่อาจารย์ผู้สอนเห็นว่าควรเป็นวิชาบังคับ คือ วิชากิจกรรมดนตรีสำหรับครูก่อนประถมศึกษา 6) ความต้องการของผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของครูในด้านบุคลิกภาพ การเตรียมตัวเพื่อการสอน วิธีการสอน และมนุษยสัมพันธ์ไม่แตกต่างกัน
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
โอนพรัตน์วิบูล, เอื้อพร, "การเตรียมครูและการปฏิบัติงานของครูระดับปฐมวัยในประเทศไทย ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและอาจารย์ผู้สอนในสาขาปฐมวัย" (1983). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 50762.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/50762