Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาเปรียบเทียบความคิดทางการเมืองในคัมภีร์อรรถศาสตร์ ของเกาฏีลยะกับแนวความคิดในหนังสือ เรื่อง เจ้าของมาเคียเวลสี

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The comparative study of Political Thoughts in Kautilya's Arthasastra and Machiaveli's the Prince

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

วิจิตร เกิดวิสิษฐ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ปรัชญา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.706

Abstract

วิทยานิพนธ์ เรื่องนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาความคิดทางการเมืองของเกาฏีลยะ อรรถศาสตร์และ เรื่องเจ้าของมาเคียเวลลีในแง่เปรียบเทียบ เกาฏีลยะเห็นว่าการปกครองระบอบราชาธิปไตยนั้น เป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด ตามระบอบนี้ เจ้ากระจายอำนาจของตนเป็นระบบราชการไปยังผู้ปกครองตามลำดับโดยมีพราหมณ์ปุโรหิตเป็นที่ปรึกษาหรือร่วมมีอำนาจในการปกครอง หน้าที่ของเจ้า ก็คือเป็นผู้รับใช้ประชาชน ดูแลประชาชน เหมือนพ่อดูแลลูกภายใต้คุณธรรมและกฎหมาย ซึ่งมีเหตุผลเป็นตัวกำหนดแนวทาง แต่ในบางครั้งเจ้าก็ต้องใช้อำนาจเฉียบขาด เกาฏีลยะถือว่ารัฐที่ดีซึ่งกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติ ต้องเป็นรัฐที่ที่มีองค์ประกอบของรัฐครบถ้วน เช่นมีป้อมปราการที่แข็งแรง ประชาชนมีความจงรักภักดี และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือรัฐนั้นต้องเป็นรัฐที่มีความเจริญทาง เศรษฐกิจ หน้าที่ที่สำคัญของรัฐคือปกป้องคุ้มครองสังคม ยกระดับทั้งด้านวัตถุและจริยธรรมของสังคม รัฐเปรียบเสมือนศูนย์กลางของสังคมที่จะผสมผสานความสนใจในด้านรูปแบบต่างๆ ของประชาชนเข้าด้วยกัน กองทัพถือว่าเป็นฐานอำนาจของรัฐควรมาจากทหารของชาติผู้มีแต่ความจงรักภักดีและซื่อสัตย์มากกว่าทหารจ้างและทหารต่างชาติ การพ่ายแพ้ด้วยกำลังทหารของตน ดีกว่าชัยชนะที่เกิดจากทหารต่างชาติ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นชัยชนะอย่างแท้จริง การใช้กำลังและยุทธวิธีอย่างเดียวไม่เป็นการเพียงพอ ดังนั้น จึงต้องใช้เล่ห์กลด้วย เกาฏีลยะถือว่าเศรษฐกิจสำคัญที่สุดในการปกครอง การบริหารรัฐจะเป็นไปไม่ได้หากปราศจากระบบเศรษฐกิจที่ดี ความมั่งคั่งเป็นสิ่งเดียวนั้นที่จะทำให้ความปรารถนาอื่นเป็นผลสำเร็จ ราชาธิปไตยในทรรศนะของมาเคียเวลลี เป็นระบอบรวมอำนาจไว้ในมือของเจ้า ผู้ปกครอง แม้ว่าระบอบการปกครองจะประกอบด้วยรัฐมนตรี และขุนนาง แต่มาเคียเวลลี คิดว่า เจ้าเมืองที่ใช้อำนาจโดยมอบอำนาจเด็ดขาดให้แก่ผู้ปกครองเขต ฐานะของเจ้าเมืองจะไม่มั่นคง และในที่สุดผู้รับมอบอำนาจนั้นอาจจะช่วงชิงอำนาจของเจ้าเมืองไป เจ้าจึงต้องรวบอำนาจและแสดงความเฉียบขาด เจ้ามีความโหดเหี้ยมและเฉียบขาด เพื่อให้ผู้ใต้ปกครองเกิดความจงรักภักดี เจ้าอาจแสดงความโหดเหี้ยมและเฉียบขาดในบางโอกาส เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ขุนนาง การกระทำรุนแรงใดๆ ก็ตาม หากกระทำด้วยเหตุผลทางการเมืองย่อมไม่มีดีหรือเลว ถูกหรือผิด เพราะชาติบ้านเมืองสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่มาเคีย เวลลีก็ไม่ได้ปฏิเสธศีลธรรม เขาเพียงแต่เห็นว่าศีลธรรมเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ การเมืองตามความคิดของมาเคียเวลลี รัฐซึ่งถือกำเนิดตามธรรมชาตินั้นต้องขึ้นอยู่กับประชาชน ป้อมปราการแข็งแรงเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอในการป้องกันประ เทศ ป้อมปราการที่หนาแน่นห้อมล้อมด้วยชาวเมืองผู้จงรักภักดีเท่านั้น คือรัฐที่มาเคียเวลลีต้องการ อิตาลีสมัยนั้นมีทหารรับจ้าง ไม่มีทหารของตนเอง ดังนั้นมาเคียเวลลีจึงเห็นว่ากองทัพของชาติ ซึ่งจงรักภักดีต่อผู้ปกครอง จะทำให้ประเทศมั่นคงปลอดภัย ด้านเศรษฐกิจแม้มาเคียเวลลีจะไม่เน้นเด่นชัดเพราะอิตาลีเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ แต่เนื่องจากเศรษฐกิจเป็นรากฐานของชาติ มาเคียเวลลีจึงเห็นว่ารัฐควรสนับสนุนผู้ที่มีความสามารถด้านต่างๆเกียรติต่อผู้ชำนาญงานและมีฝีมือดีเด่น สนับสนุนประชาชนให้ทำงานเพื่อตนเองได้อย่างสันติ ความคิดของเกาฏีลยะและมาเตียเวลลีเหมือนกันในแง่ที่ว่าผู้ปกครองไม่ว่าจะอยู่ในสมัยใด มีความเฉลียวฉลาดและคติธรรมมากน้อยเพียงไร ย่อมต้องการอำนาจ ความเด็ดขาด จึงจะทำให้ประเทศดำรงอยู่ได้โดยปลอดภัย นั่นหมายความว่าส่วนมากความเฉียบขาดเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของความเป็นผู้นำเสมอมา ส่วนในแง่ที่แตกต่างกันนั้นเกาฏีลยะยอมรับแต่เจ้าที่สืบทอดกันมาโดยราชตระกูล ส่วนมาเคียเวลลีเห็นว่าใครก็ได้ที่จะเป็นผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลในราชวงศ์ ประชาชนสามัญก็เป็นผู้ปกครองได้หากผู้นั้นมีความสามารถ นอกจากนี้มาเคียเวลลียังให้ความสำคัญแก่เรื่องโชคชะตาอย่างมาก เขาคิดว่าโชคชะตาเป็นตัวกำหนดการกระทำของมนุษย์ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการเมือง การปกครอง หรือการกระทำในชีวิตประจำวัน การกระทำของมนุษย์ครึ่งหนึ่งโชคชะตาจะเป็นผู้กำหนด และอีกครึ่งหนึ่งเป็นความสามารถของมนุษย์เอง เรื่องนี้เกาฏีลยะไม่สนใจที่จะแสดงความคิดเห็นไว้ แต่อย่างไร แนวคิดที่สำคัญที่ได้จากการวิจัยคือในบางกรณีการเมืองการปกครองเป็น เรื่องที่มีความสำคัญอยู่เหนือศีลธรรมและไม่เกี่ยวข้องกับศีลธรรม เหตุผลของรัฐเท่านั้นสำคัญเหนือทุกสิ่ง และเศรษฐกิจกับการเมืองการปกครองเป็นเรื่องไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะความมั่งคั่งเป็นรากฐานที่สำคัญของรัฐ เศรษฐกิจที่ดีย่อมมีส่วนทำให้ กองทัพเข้มแข็ง ประชาชนกินดีอยู่ดี และทำให้การพัฒนาประ เทศเป็นไปในด้านอื่นตามความปรารถนาของผู้ปกครองได้โดยง่าย

Share

COinS