Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการสื่อสารความเชื่อทางศาสนา และความทันสมัยของชาวไทยมุสลิมในอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
An analysis of relationships between communication behavior, religious beliefs and modernization of Thai muslims in amphoe nongich patanee province
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
จุมพล รอดคำดี
Second Advisor
อาณัติ หมานสนิท
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การประชาสัมพันธ์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.397
Abstract
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการสื่อสาร ความเชื่อทางศาสนา และความทันสมัยของชาวไทยมุสลิมในอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จำนวน 250 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ใช้วิธีการสัมภาษณ์รายบุคคล ตามแบบสอบถามที่ผู้วิจัยจัดทำขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นการวิเคราะห์เชิงพรรณนา ใช้ค่าร้อยละ (Percentage) และส่วนที่เป็นการวิเคราะห์เพื่อทดสอบสมมติฐานในการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สนใจศึกษาด้วยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation) และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยที่สำคัญสรุปได้ดังนี้ ตัวแปร คือ เพศ การศึกษา การสื่อสารระหว่างบุคคล และการติดต่อกับสังคมภายนอกมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการเปิดรับสื่อมวลชนอย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ยังพบว่าตัวแปรทั้งหมดดังกล่าวนี้สามารถนำมาอธิบาย ถึงระดับความทันสมัยของกลุ่มตัวอย่างได้ถึง 14% (R[superscript 2]=14.04)นั่นคือชายที่มีการศึกษาสูงจะมีการสื่อสารกับบุคคลอื่นและสังคมภายนอก รวมทั้งการเปิดรับสื่อมวลชนมากกว่ากลุ่มอื่นๆ และยังจะมีผลทำให้บุคคลนั้น เป็นคนที่ทันสมัย ส่วยตัวแปรด้านเพศ รายได้ ตำแหน่งในสังคม การสื่อสารระหว่างบุคคล และการเปิดรับสื่อมวลชน มีค่าสหสัมพันธ์ในเชิงลบและสามารถนำมาอธิบายถึงความเชื่อทางศาสนาของกลุ่มตัวอย่างได้ถึง 18% (R[superscript 2]= 18.38) กล่าวคือหญิงที่มีรายได้ต่ำจะมีการสื่อสารกับบุคคลอื่น และการเปิดรับสื่อมวลชนน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ จะมีแนวโน้มที่เชื่อทางศาสนาในระดับสูง ตัวแปรด้านอายุ มีความสัมพันธ์ในเชิงลบกับการเปิดรับสื่อมวลชนและความทันสมัย แต่มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความเชื่อทางศาสนา แสดงว่าคนที่มีอายุมากจะมีการเปิดรับสื่อมวลชนน้อย และมีความทันสมัยต่ำ แต่มีความเชื่อทางศาสนาในระดับสูง นอกจากนี้ยังพบว่าความเชื่อทางศาสนาไม่มีความสัมพันธ์กับความทันสมัยอย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้นความแตกต่างด้านความเชื่อทางศาสนาไม่สามารถใช้เป็นตัวชี้ให้เห็นแนวโน้มของระดับความทันสมัยได้
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
พุ่มศิริ, จินตวดี, "การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการสื่อสารความเชื่อทางศาสนา และความทันสมัยของชาวไทยมุสลิมในอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48052.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48052