Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

พฤติกรรมการสื่อสารเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ ของอาจารย์วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ ปีการศึกษา 2527

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Communication behavior of the instructors of Uttaradit Teacher's College in 1984

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

จาระไน แกลโกศล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การประชาสัมพันธ์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.398

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสื่อที่ใช้ในการสื่อสารทางลายลักษณ์อักษรและทางวาจา ศึกษาระดับความสนใจในชนิดของข่าวสาร และศึกษาการรับข่าวสารเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ของอาจารย์วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ ในปีการศึกษา 2527 รวมทั้งเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและคณาจารย์เกี่ยวกับรูปแบบการสื่อสาร ทิศทางการสื่อสาร และประเภทการสื่อสาร ตามลักษณะการปฏิบัติงานในหน้าที่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม ซึ่งผู้วิจัยเก็บข้อมูลจากอาจารย์วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ที่ปฏิบัติงานในหน้าที่ในปีการศึกษา 2527 จำนวน 144 คน ได้รับแบบสอบถามกลับคืนมา 136 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 94.40 เป็นของผู้บริหาร 40 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 29.4 และเป็นของคณาจารย์ 96 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 70.6 การวิเคราะห์ข้อมูลหาค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนการทดสอบสมมติฐานใช้วิธีเปรียบเทียบความแตกตางระหว่างผลสรุปรวมของค่าคะแนนเฉลี่ยกลุ่มผู้บริหารและกลุ่มคณาจารย์เกี่ยวกับรูปแบบการสื่อสาร ทิศทางการสื่อสาร และประเภทการสื่อสาร ปรากฏผลการวิจัยซึ่งสรุปได้ ดังนี้ 1. อาจารย์วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ใช้วิธีการสื่อสารทางลายลักษณ์อักษรที่เป็นหนังสือคำสั่งอยู่ในเกณฑ์มาก ที่เป็นป้ายประกาศข่าวสาร, หนังสือเวียน, บันทึกข้อความ และวารสารประชาสัมพันธ์ อยู่ในเกณฑ์ใช้พอประมาณ ส่วนเอกสารวิชาการ, จดหมายข่าวและจดหมายส่วนตัว อยู่ในเกณฑ์น้อย สำหรับวิธีการสื่อสารทางวาจาที่เป็นการพูดทางโทรศัพท์ภายใน, การประกาศเสียงตามสาย และการพบปะพูดคุยเป็นรายบุคคล อยู่ในเกณฑ์มาก ส่วนการประชุมคณะกรรมการ, การพบปะพูดคุยเป็นกลุ่ม และการประชุมคณาจารย์อยู่ในเกณฑ์ใช้พอประมาณ 2. ชนิดของข่าวสารเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ ๆ อาจารย์ให้ความสนใจตามลำดับมากที่สุดไปน้อยที่สุด ได้แก่ ข่าวเกี่ยวกับงานสอนและอบรม, ข่าวเกี่ยวกับงานบริการทางวิชาการ, ข่าวเกี่ยวกับการผลิตผลงานทางวิชาการ, ข่าวเกี่ยวกับงานบริหาร, ข่าวเกี่ยวกับงานธุรการ, ข่าวเกี่ยวกับงานวิจัย, ข่าวเกี่ยวกับงานกิจกรรมนักศึกษา, ข่าวเกี่ยวกับงานนิเทศการศึกษา และข่าวเกี่ยวกับงานวัฒนธรรม 3. การรับข่าวสารของอาจารย์ 3.1 ให้ความสนใจต่อข่าวสาร พึงพอใจที่จะแสวงหาข่าวสาร และมีความกระตือรือล้นที่จะสนใจติดตามข่าวสาร อยู่ในเกณฑ์มาก 3.2 เปิดรับข่าวสารผ่านสื่อทางลายลักษณ์อักษรที่เป็นหนังสือคำสั่งอยู่เกณฑ์บ่อยครั้ง ที่เป็นเอกสารวิชาการ, จดหมายข่าว และจดหมายส่วนตัว อยู่ในเกณฑ์นาน ๆ ครั้ง รวมทั้งเปิดรับข่าวสารผ่านสื่อทางวาจาที่เป็นการพบปะพูดคุยเป็นรายบุคคลอยู่ในเกณฑ์บ่อยครั้ง ที่เป็นการพูดทางโทรศัพท์ภายใน, การประกาศเสียงตามสาย, การประชุมคณะกรรมการ, การพบปะพูดคุยเป็นกลุ่ม และการประชุมคณาจารย์ อยู่ในเกณฑ์บางครั้ง 3.3 ได้รับข่าวสารจากผู้บริหารไปยังอาจารย์ผ่านสื่อหนังสือคำสั่งอยู่ในเกณฑ์บ่อยครั้ง และผ่านจดหมายส่วนตัวอยู่ในเกณฑ์นาน ๆ ครั้ง ได้รับข่าวสารจากอาจารย์ไปยังผู้บริหารผ่านสื่อการพบปะพูดคุยเป็นรายบุคคล และการพูดทางโทรศัพท์ภายใน อยู่ในเกณฑ์บ่อยครั้ง และผ่านจดหมายส่วนตัวอยู่ในเกณฑ์นาน ๆ ครั้ง และได้รับข่าวสารระหว่างเพื่อนอาจารย์ด้วยกับผ่านสื่อการพบปะพูดคุยเป็นรายบุคคล และการพูดทางโทรศัพท์ภายใน อยู่ในเกณฑ์บ่อยครั้ง และผ่านจดหมายส่วนตัวอยู่ในเกณฑ์นาน ๆ ครั้ง 3.4 ข่าวสารที่ได้รับมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับงานสอนและอบรมอยู่ในเกณฑ์บ่อยครั้ง และมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับงานวัฒนธรรมและงานวิจัยอยู่ในเกณฑ์นาน ๆ จะได้รับบ้าง 3.5 เคยพบปะพูดคุย, รายงานข่าวสาร, ถ่ายทอด แลกเปลี่ยนความคิด วิพากษ์วิจารณ์ หรือ ปรึกษาหารือ และแจ้งเวียนข่าวสาร ให้เพื่อนอาจารย์ทราบ อยู่ในเกณฑ์บางครั้ง และเคยกระจายข่าวสาร, จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการและการประชุมคณาจารย์ ตลอดจนเผยแพร่ข่าวสารให้เพื่อนอาจารย์ทราบ อยู่ในเกณฑ์นาน ๆ ครั้ง 3.6 ได้นำข่าวสารเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ ๆ เป็นงานสอนและอบรมไปปฏิบัติด้วยตนเอง, มีส่วนช่วยเหลือในการปฏิบัติงานบริการทางวิชาการ งานบริหาร งานธุรการ งานกิจกรรมนักศึกษา งานผลิตผลงานทางวิชาการ งานนิเทศการศึกษา และงานวัฒนธรรม และรับรู้ว่ามีการปฏิบัติงานวิจัย 3.7 ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า อาจารย์ทุกคนควรปฏิบัติงานในหน้าที่ต่าง ๆ ด้วยตนเอง รวมทั้งมีความคิดเห็นว่าจะแนะนำและเคยแนะนำให้อาจารย์ท่านอื่นปฏิบัติงานในหน้าที่อยู่ในเกณฑ์เท่ากัน 3.8 วิธีการแนะนำให้อาจารย์ท่านอื่นปฏิบัติงานในหน้าที่โดยการพบปะพูดคุยกับเพื่อนอาจารย์เป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่มอยู่ในเกณฑ์บางครั้ง โดยการเสนอความคิดเห็นต่อผู้บริหาร, เขียนบทความหรือข่าวสารเผยแพร่ในจดหมายข่าว วารสารประชาสัมพันธ์ และเอกสารวิชาการ รวมทั้งเขียนเป็นจดหมายส่วนตัว อยู่ในเกณฑ์นาน ๆ ครั้ง 4. จากสมมติฐานที่ว่าผู้บริหารและคณาจารย์มีความคิดเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับรูปแบบการสื่อสารแบบทางการและแบบไม่เป็นทางการ ทิศทางการสื่อสารจากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน และระหว่างเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน และประเภทการสื่อสารระหว่างบุคคล การสื่อสารกลุ่มย่อย และการสื่อสารสาธารณชน ตามลักษณะการปฏิบัติงานในหน้าที่ เมื่อได้นำค่าเฉลี่ยที่เป็นผลสรุปรวมของความคิดเห็นในแต่ละด้านมาเปรียบเทียบกันแล้วพบว่า ผู้บริหารและคณาจารย์มีความคิดเห็นแตกต่างกันจริง ซึ่งเป็นการยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไวทุกข้อ

Share

COinS