Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมและทัศนคติของนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The process of values and attitudinal change of police officers

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

ชัยอนันต์ สมุทวณิช

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

รัฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การปกครอง

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.519

Abstract

กรมตำรวจมีความสำคัญต่อรัฐ ในฐานะที่เป็นกลไกซึ่งควบคุมพฤติกรรมของพลเมืองตามนโยบายของรัฐ แต่กรมตำรวจต้องประสบกับปัญหาบุคลากรมีค่านิยมและทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปสู่แบบที่เบี่ยงเบนและขัดแย้งต่อการเป็นกลไกที่ดีของรัฐ การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษา 1) ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลง (change) ค่านิยมและทัศนคติกับสภาพแวดล้อมและระยะเวลา 2) ศึกษากระบวนการ (process) ของการเปลี่ยนแปลง และปัจจัย (agent) ที่เป็นตัวกล่อมเกลา (socialized) ในกระบวนการเปลี่ยนแปลง 3) นอกจากนี้ยังศึกษาถึงความสัมพันธ์ของกระบวนการเปลี่ยนแปลงกับผลที่เกิดต่อกลุ่มบุคคลที่แตกต่างกัน และ 4) ผลที่เกิดต่อระบบการบริหารงานตำรวจ พร้อมกับข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไข วิธีการศึกษา ได้ใช้การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (in-depth interview) จากผู้ถูกสัมภาษณ์จำนวน 16 คน แบ่งเป็น 4 กลุ่มตามชั้นยศ ตั้งแต่ระดับรองสารวัตร-อธิบดีกรมตำรวจ (ร.ต.ต.-พล.ต.อ.) โดยแบ่งการสัมภาษณ์เป็น 3 ช่วงคือ ช่วงในวัยเด็ก ช่วงในวัยหนุ่ม และช่วงที่รับราชการ เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงทีละขั้นตอนจนประกอบกันเป็นกระบวนการ ผลการวิจัยได้ผลดังนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงค่านิยมและทัศนคติของข้าราชการตำรวจ มีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมโดยพบว่าค่านิยมและทัศนคติของปัจเจกบุคคลจะไม่อยู่คงที่แต่ละเปลี่ยนแปลง อยู่เสมอตามความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม 2. การเปลี่ยนแปลงค่านิยมและทัศนคติมีความสัมพันธ์กับระยะเวลาการปฏิบัติงานโดยพบว่า ข้าราชการตำรวจยิ่งอยู่ในระบบงานนานเท่าใด โอกาสที่จะมีค่านิยมและทัศนคติเบี่ยงเบนไปตามระบบ ก็มีมากเท่านั้น 3. กระบวนการเปลี่ยนแปลงค่านิยมและทัศนคติที่ได้จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่สำคัญที่สุดต่อการกล่อมเกลาตำรวจชั้นสัญญาบัตรก็คือ ระบบงานหรือประสบการณ์ของการทำงาน ปัจจัยอื่น ๆ มีอีก 3 ประการคือ ครอบครัว สถานศึกษา และสภาพแวดล้อมของสังคม ซึ่งมีอิทธิพลรองลงมาต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือความเชื่อ 4. ผู้ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมจะประสบความสำเร็จในการรับราชการมากกว่า ผู้ที่ไม่สามารถปรับตัว นายตำรวจที่มียศต่ำและนายตำรวจที่มียศสูง จะมีช่องว่างหรือค่านิยมและบรรทัดฐานที่แตกต่างกัน 5. ปัญหาสำคัญของกรมตำรวจ ได้แก่ระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก วิธีปฏิบัติแบบอาศัยความสัมพันธ์ส่วนบุคคลในการบริหารงาน ปัญหานี้อยู่เหนือความสามารถขององค์กรที่จะแก้ไขได้โดยลำพัง แต่จะต้องอาศัยพลังจากภายนอกองค์กรที่มีพลังสูงกว่ามาจัดการแก้ไข 6. กรมตำรวจ ควรปรับหลักสูตรและกระบวนการกล่อมเกลาทางการศึกษา และให้มีหลักสูตรการอบรมต่าง ๆ ระหว่างรับราชการอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับศึกษาวิธีลดความกดดันจากเงินเดือนและระบบอุปถัมภ์ โดยให้มีคณะกรรมาธิการของรัฐสภาชุดหนึ่งเข้ามาศึกษาเพื่อแก้ไขประสานกับกรมตำรวจ

Share

COinS