Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิเคราะห์จิตรกรรมจีนสมัยราชวงศ์ซ่งเชิงปรัชญา

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A philosophical analysis of the Chinese paintings in the sung dynasty

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

สุวรรณา สถาอานันท์

Second Advisor

วิจิตร เกิดวิสิษฐ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ปรัชญา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.774

Abstract

งานวิจัยนี้เป็นความพยายามที่จะแสดงให้เห็นว่า แนวความคิดทางปรัชญาและศาสนาอันโดดเด่นอยู่ในสมัยราชวงศ์ซ่ง ได้มีอิทธิพลในการกำหนดลักษณะของภาพทิวทัศน์ และภาพธรรมชาติในสมัยนั้น ลักษณะเด่นของภาพคือ การยืนยันในอุดมคติและมโนทรรศน์ทางปรัชญาและศาสนาของจีนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เกี่ยวเนื่องกับแนวความคิดทางจักรวาลวิทยา ภววิทยา ญาณวิทยา อภิปรัชญาและจริยธรรม ปัญหาที่ตามมาคือ อุดมคติและมโนทรรศน์เหล่านี้คืออะไรบ้าง และปราฏเป็นนัยยะในภาพอย่างไร จากการวิเคราะห์พบว่า จิตกรรมประเภทนี้สื่ออุดมคติและมโนทรรศน์ทางปรัชญาและศาสนาเป็น 2 แนวทางด้วยกันคือ 1. สื่อด้วยระบบสัญลักษณ์ 2. สื่อด้วยการแสดงออก ในแง่ของระบบสัญลักษณ์นั้นเกี่ยวข้องกับความคิดทางจักรวาลวิทยาและอุดมคติในชีวิตโดยทั่วไปของชาวจีน การเข้าใจความหมายเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการมองภาพและการเข้าใจระบบสัญลักษณ์ของจีน ส่วนแง่การแสดงออกนั้นถือว่าทฤษฎีทางสุนทรียศาสตร์ของจิตรกรรมจีนประเภทนี้เรียกว่า ทฤษฎีการแสดงออก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าจิตรกรรมจีนประเภทนี้อยู่ในฐานะที่เป็นวิถีแห่งการแสวงหาสัจจะ รวมทั้งการเข้าถึงและการแสดงออกถึงสภาวะจิตขณะเข้าถึงสัจจะของผู้วาดด้วยญาณหยั่งรู้ทางอัชณัตติญาณ เนื้อหาสำคัญของงานวิจัยนี้คือ การวิเคราะห์และทำความเข้าใจในทฤษฎีดังกล่าว ทั้งในแง่ของวิธีการและเนื้อหาที่แสดงออก พร้อมทั้งยืนยันความมีอยู่จริงของทฤษฎีนี้ โดยรวบรวมคำกล่าวยืนยันของจิตรกรและนักวิจารณ์งานจิตรกรรมในสมัยนั้นมาประกอบกับข้อความสนับสนุนของนักวิจารณ์ศิลปะโดยทั่วไปทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ผลที่ได้จากการวิเคราะห์คือวิธีการและเนื้อหาของทฤษฎีการแสดงออกของจิตกรรมประเภทนี้ชี้ให้เห็นว่า ความสำคัญทางภาพมิได้อยู่ที่ตัวภาพ ตรงกันข้ามกลับอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างจิตรกรและภาพเขียน หรือประการณ์ทางศิลปะอันเป็นสิ่งเดียวกันกับประสบการณ์ทางศาสนา นอกจากนี้ การศึกษาความหมายของภาพแทนที่จะศึกษาจากคุณสมบัติของภาพแต่เพียงอย่างเดียว กลับต้องศึกษาเกี่ยวกับแรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจ และสภาวะจิตของผู้วาดในการสร้างสรรค์ผลงานด้วย ข้อเท็จจริงดังกล่าวมานี้ ได้สร้างเงื่อนไขและข้อจำกัดในการเข้าใจในการเข้าใจความหมายอขงจิตรกรรมประเภทนี้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับธรรมชาติของความรู้ทางอัชฌัตติกญาณหรือความรู้ในรู้ความจริงซึ่งเป็นอัตวิสัยและเป็นปัจเจกภาพ ที่สำคัญคือ ธรรมชาติของการสื่อความหมายด้วยภาพเขียนนั้น ไม่อาจอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับความหมายของอุดมคติ มโนทรรศน์และประสบการณ์ทางปรัชญาและศาสนาได้อย่างต่อเนื่องเป็นระบบเหมือนกับการอธิบายด้วยภาษา อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการสื่อความหมายโดยภาพเขียนก็มีเช่นกัน กล่าวคือ ภาพทิวทัศน์และภาพธรรมชาติในสมัยราชวงศ์ซ่งสามารถแสดงออกถึงความรู้สึก อารมณ์ในการเข้าถึงญาณหยั่งรู้ทางอัชฌัตติกญาณได้ดีกว่าการอธิบายด้วยภาษา

Share

COinS