Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Development of a non-formal education program to enhance interpersonal communication competencies for undergraduate students
Year (A.D.)
2018
Document Type
Thesis
First Advisor
สุวิธิดา จรุงเกียรติกุล
Second Advisor
สารีพันธุ์ ศุภวรรณ
Faculty/College
Faculty of Education (คณะครุศาสตร์)
Department (if any)
Department of Lifelong Education (ภาควิชาการศึกษาตลอดชีวิต)
Degree Name
ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาเอก
Degree Discipline
การศึกษานอกระบบโรงเรียน
DOI
10.58837/CHULA.THE.2018.715
Abstract
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์สมรรถนะการสื่อสารระหว่างบุคคลสำหรับนิสิตนักศึกษา 2) พัฒนาโปรแกรมการศึกษานอก ระบบโรงเรียนเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสื่อสารระหว่างบุคคลสำหรับนิสิตนักศึกษา และ 3) นำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้โปรแกรมการศึกษานอก ระบบโรงเรียนฯ กลุ่มตัวอย่างมี 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาบัณฑิตจำนวน 1,101 คน ใช้วิธีการคัดเลือกโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้นหลาย ขั้นตอน 2) นักศึกษาที่เข้าร่วมโปรแกรมฯจำนวน 30 คน 3) ผู้ทรงคุณวุฒิและตัวแทนนิสิตนักศึกษาจำนวน 20 คน ในการสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ ข้อมูลใช้การวิเคราะห์สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (x̄) ร้อยละ (%) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การวิเคราะห์ค่า t-test และ p-value ร่วมกับการ วิเคราะห์เนื้อหา ผลวิจัยพบว่า 1. ผลการวิเคราะห์สมรรถนะการสื่อสารระหว่างบุคคลสำหรับนิสิตนักศึกษาด้านแรงจูงใจ ความรู้ และทักษะ โดยรวมอยู่ ในระดับมาก 2. โปรแกรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนฯ ประกอบด้วย 8 กระบวนการ ได้แก่ 1) การกำหนดพื้นฐานสำหรับการพัฒนาโปรแกรม 2) การวิเคราะห์สถานการณ์ของชุมชนและกลุ่มผู้รับบริการ 3) การพิจารณาผลลัพธ์ที่พึงประสงค์จากการพัฒนาโปรแกรม 4) การกำหนดแหล่งทรัพยากร และการสนับสนุน 5) การออกแบบแผนการเรียนรู้ 6) โปรแกรมของการปฏิบัติงาน 7) ความน่าเชื่อถือของการใช้ทรัพยากร 8) การสื่อสารคุณค่าของ โปรแกรม และ 12 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการและเหตุผล 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหาสาระ 4) คุณสมบัติของผู้เรียน 5) คุณสมบัติของผู้สอน 6) วิธีการเรียนรู้ 7) กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 8) เทคนิคการเรียนรู้ 9) สื่อการเรียนรู้ 10) การประเมินผลการเรียนรู้ 11) บรรยากาศในการเรียนรู้ 12) ผลลัพธ์การเรียนรู้ และผลการใช้โปรแกรมฯ พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีระดับคะแนนเฉลี่ยด้านแรงจูงใจ ความรู้ และทักษะ สูงกว่าก่อนการทดลองอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3. แนวทางการประยุกต์ใช้โปรแกรมฯ ประกอบด้วย คุณสมบัติผู้สอน การจัดการและบริหารโปรแกรม และ การสร้าง การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการประยุกต์ใช้โปรแกรมฯ ได้แก่ ผู้เรียน ทีมงาน และบริบทของวัฒนธรรม
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
The purposes of this research were to 1) analyze interpersonal communication competencies for undergraduate students; 2) develop a non-formal education program to enhance interpersonal communication competencies for undergraduate students; 3) present the application guidelines of a non-formal education program. There are 3 groups of samples; 1) 1,101 undergraduate students who were selected by using multi-stage stratified random sampling; 2) 30 undergraduate students participating in the activities; 3) 20 experts and student representatives for focus group discussion. The statistics employed for analysis were frequency (), percentage (%), standard deviation (S.D.), t-test, p-value and content analysis. The findings can be summarized as follows 1. The mean scores of interpersonal communication competencies for undergraduate students were at high level in motivation, knowledge and skill. 2. A developed non-formal education program was consisted of 8 processes: 1) identification of the basis for programming, 2) situational analysis of community and clientele, 3) identification of desired outcomes, 4) identification of resources and support, 5) design of an instructional plan, 6) program of action, 7) accountability of resources, and 8) communication of the value of the program; and 12 components: 1) rational criterion, 2) objectives, 3) content, 4) learners qualification, 5) facilitators qualification, 6) learning method, 7) learning process, 8) learning technique, 9) resources and materials, 10) learning evaluation, 11) learning environment, and 12) learning outcomes. The results showed that the samples have motivation, knowledge and skills significantly higher than the one before the experiment by 0.05 point. 3. The application guidelines of a developed non-formal education program were consisted of three components: facilitator qualifications, program management, and creating involvement of stakeholders. Factors affecting the success of program application include learners, teams, and cultural context.
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ภาสกรณ์, เรข์ณพัศ, "การพัฒนาโปรแกรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสื่อสารระหว่างบุคคลสำหรับนิสิตนักศึกษา" (2018). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 2846.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/2846