Abstract
ความสามารถด้านการมองเห็นได้เชิงมิติและเชิงวัตถุถูกใช้อย่างมากในการทำงานธรณีวิทยาภาคสนาม อย่างไรก็ตาม ในชั้นเรียนธรณีวิทยานิยมใช้ภาพถ่าย แผนภาพ และแผนที่ เป็นสื่อประกอบการสอน โดยสิ่งที่แสดงในสื่อเป็นผลจากการแปลงภาพสามมิติให้อยู่ในรูปของสองมิติ การใช้ภาพลักษณะนี้อาจไม่เป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาความสามารถด้านการมองเห็นได้เชิงมิติ ทำให้ผู้ศึกษาไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับระยะ ขนาดและการเอียงเทของชั้นหินที่ได้รับก่อนออกภาคสนามกับสิ่งที่พบในพื้นที่จริงได้ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบและพัฒนาความสามารถเชิงมิติของนิสิตชั้นปีที่ 2 ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 32 คน โดยการสร้างแบบจำลองหินโผล่ดิจิทัลชนิดสามมิติ บริเวณเหมืองหินปูน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ซึ่งนิสิตจะถูกทดสอบด้วยการกะขนาดกล่องสี่เหลี่ยม จำนวน 4 กล่อง และมุมเอียงเทชั้นหินปูนที่ปรากฏอยู่ในแบบจำลองหินโผล่ เปรียบเทียบกับนิสิตที่ใช้แบบทดสอบจากภาพถ่ายหินโผล่ในสถานที่เดียวกัน ผลการทดสอบ พบว่า นิสิตที่ใช้แบบจำลองหินโผล่ดิจิทัลมีความสามารถในการกะขนาดและมุมที่ได้ดีกว่า แสดงให้เห็นว่า แบบจำลองหินโผล่ดิจิทัลมีประสิทธิภาพต่อการรู้จำปริภูมิที่ถูกต้องแม่นยำของนิสิตธรณีวิทยาในห้องเรียนก่อนการสำรวจพื้นที่จริง
Publisher
Faculty of Education, Chulalongkorn University
First Page
320
Last Page
335
Recommended Citation
จิตรมหันตกุล, สุคนธ์เมธ
(2020)
"ประสิทธิภาพของการใช้แบบจำลองหินโผล่ดิจิทัลในการสอนวิชาวิธีการศึกษาธรณีวิทยาภาคสนาม (Effective Use of Digital Outcrop Models in the Teaching of Field Methods in Geology),"
Journal of Education Studies: Vol. 48:
Iss.
4, Article 18.
Available at:
https://digital.car.chula.ac.th/educujournal/vol48/iss4/18