Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

การเปรียบเทียบความคมชัดของภาพผ่าตัดส่องกล้องซ่อมแซมเส้นเอ็นหัวไหล่ระหว่างการใช้เอพิเนฟรินเจือจางในน้ำที่ใช้ผ่าตัดและการฉีดกรดทรานเอกซามิกผ่านทางเส้นเลือดดำ

Year (A.D.)

2024

Document Type

Thesis

First Advisor

Thanathep Tanpowpong

Faculty/College

Faculty of Medicine (คณะแพทยศาสตร์)

Degree Name

Doctor of Philosophy

Degree Level

Doctoral Degree

Degree Discipline

Clinical Sciences

DOI

10.58837/CHULA.THE.2024.794

Abstract

Purpose: To compare the effects of intravenous tranexamic acid (TXA) versus epinephrine (EPN)-diluted irrigation on visual clarity, surgical outcomes, and safety during arthroscopic rotator cuff repair.Methods: Patients aged ≥ 18 years old diagnosed with rotator cuff tears were randomized 1:1 into the TXA and EPN groups. The TXA group received an intravenous infusion of TXA (15 mg/kg) over 15 minutes before surgery, with normal saline used to irrigate during arthroscopy. The EPN group received irrigation with 0.33 mg of EPN (1:1000) diluted per liter of normal saline without intravenous TXA. Both patients and surgeons were blinded to the interventions. Visual clarity was assessed by a pre-trained deep machine learning model (DenseNet169) based on a 3-grade scale and surgeons grading with a numeric rating scale (0-10). Secondary outcomes included operative time, irrigation fluid volume, pump pressure, radiofrequency usage, perioperative hemodynamic parameters, postoperative pain and swelling, and adverse events. Results: This study included 82 participants with a mean age of 64.9 ± 9.6 years, 57 (69.5%) female and 25 (30.5%) male. The average visual clarity score, as assessed by the DenseNet169 model, was significantly higher in the EPN group compared to the TXA group, with a mean difference (MD) of 0.06 (95% CI: 0.03 – 0.1, p<0.001). Similarly, the surgeon evaluated greater scores in the EPN group (MD: 1.4, 95% CI: 0.55 – 2.28, p = 0.002). The TXA group exhibited a significantly lower good visual clarity (Grade 3) percentage compared to the EPN group (MD = - 3.96, 95% CI: -6.12 – -1.80, p < 0.001). In contrast, the TXA group had significantly higher percentages of Grade1 and Grade 2 clarity, with MDs of 2.56 (95% CI: 1.17 – 3.94, p < 0.001) for Grade 1 and 1.38 (95% CI: 0.29 – 2.46, p = 0.14) for Grade 2. The TXA group required significantly more frequent use of radiofrequency ablation for hemostasis compared to the EPN group (MD: 4.2, 95% CI: 2.5 – 5.9, p < 0.001). The incidence of increased pump pressure during surgery was significantly higher in the TXA group (58.5%) compared to the EPN group (24.4%), with an OR = 4.4 (95% CI: 1.5 – 12.7, p = 0.02). The average pump pressure was significantly higher in the TXA group than in the EPN group (MD: 3.2 mmHg, 95% CI: 1.36 – 5.04, p = 0.001). Perioperative and short-term postoperative benefits, including operative time, irrigation fluid volume, postoperative pain, and swelling, were comparable between the two interventions. Notably, the safety profile of both therapies was similar, with no statistically significant differences in perioperative hemodynamic disturbances and severe complications observed.

Other Abstract (Other language abstract of ETD)

จุดประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบถึงประสิทธิภาพระหว่างการฉีดกรดทรานแอกซามิกทางหลอดเลือดดำกับการใช้เอพิเนฟรินเจือจางในน้ำที่ใช้ผ่าตัดต่อความคมชัดของภาพ ผลลัพธ์ของการผ่าตัดและความปลอดภัยในขณะผ่าตัดส่องกล้องซ่อมแซมเส้นเอ็นหัวไหล่วิธีการ: : อาสาสมัครที่ได้รับการวินิจฉัยอาการฉีกขาดของเส้นเอ็นหัวไหล่ (Rotator cuff tears) อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มในสัดส่วนเท่าๆ กัน คือ กลุ่มที่ได้รับการฉีดกรดทรานแอกซามิกทางหลอดเลือดดำ (TXA) และกลุ่มที่เอพิเนฟรินเจือจางในน้ำที่ใช้ผ่าตัด (EPN) โดยผู้เข้าร่วมวิจัยในกลุ่ม TXA จะได้รับการฉีดกรด ทรานเอกซามิกปริมาตร 15 mg/kg ผ่านทางเส้นเลือดดำ ก่อนเริ่มกระบวนการผ่าตัดเป็นเวลา 15 นาทีและได้รับการชำระล้างสารต่างๆ ที่เป็นผลมาจากการผ่าตัดส่องกล้องภายในข้อไหล่ด้วยน้ำเกลือปราศจากเชื้อ ขณะที่กลุ่ม EPN จะได้รับสารละลายเอพิเนฟริน 0.33 มก. ในสัดส่วน 1:1000 ที่เจือจางในน้ำเกลือปกติจำนวน 1 ลิตร โดยจะไม่ได้รับกรดทรานเอกซามิกผ่านทางเส้นเลือดดำก่อนการผ่าตัด ทั้งนี้ศัลยแพทย์และอาสาสมัครจะไม่ทราบข้อมูลว่าท่านอยู่ในกลุ่มใดในระหว่างขั้นตอนการผ่าตัด ตัวแปรค่าความคมชัดของภาพจะถูกประเมินโดยการใช้ “แบบจำลอง Deep Learning ที่ผ่านการฝึกมาก่อน” (DenseNet169) โดยแบ่งออกเป็นเกรดของความคมชัดทั้งหมด 3 ระดับและการแบ่งระดับความคมชัดโดยศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด โดยจะใช้ระดับตัวเลขตั้งแต่ 0-10 คะแนน นอกจากนี้ตัวแปรเรื่องระยะเวลาการผ่าตัด ปริมาตรของการใช้เอพริเนฟรินเจือจางในน้ำ ความดันการไหลของสารละลายในข้อ การใช้คลื่นความถี่ อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด อาการปวดและบวมหลังการผ่าตัดและอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นขณะดำเนินการผ่าตัดส่องกล้องก็จะถูกบันทึกและนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลผลการศึกษา: จากอาสาสมัครในงานวิจัยทั้งสิ้นจำนวน 82 คน (อายุเฉลี่ย 64.9±9.6 ปี) เป็นเพศหญิง 57 คน (ร้อยละ 69.5) และเพศชาย 25 คน (ร้อยละ 30.5) ค่าคะแนนความคมชัดของภาพผ่าตัดส่องกล้อง ที่คำนวณด้วยการใช้โมเดล DenseNet169 ในกลุ่ม EPN มีค่าเฉลี่ยที่สูงกว่า โดยพบว่าความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.06 (95% CI: 0.03 – 0.1, p<0.001) และค่าคะแนนความคมชัดที่ประเมินโดยศัลยแพทย์ผู้ทำการ ผ่าตัด พบว่าในกลุ่ม EPN มีค่าคะแนนสูงกว่า โดยมีค่าความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.4 (95%CI: 0.55-2.28, P=0.002) ทั้งนี้กลุ่ม TXA แสดงค่าความคมชัดของภาพในสัดส่วนที่ด้อยกว่า (เกรด 3) โดยมีค่าเฉลี่ยความ แตกต่างเท่ากับ -3.96 (95% CI: -6.12 – -1.80, p < 0.001). ในขณะที่ มีสัดส่วนของค่าความคมชัดของภาพใน เกรดที่ 1 และเกรด 2 ที่สูงกว่า โดยมีค่าเฉลี่ยความแตกต่างเท่ากับ 2.56 สำหรับความคมชัดในเกรด 1 (95% CI: 1.17 – 3.94, p < 0.001) และค่าเฉลี่ยความแตกต่างเท่ากับ 1.38 สำหรับความคมชัดในเกรด 2 (95% CI: 0.29 – 2.46, p = 0.14) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่ม EPN นอกจากนี้กลุ่ม TXA จำเป็นต้องใช้คลื่นความถี่ที่สูงกว่าในการ รักษาสมดุลการห้ามเลือดเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่ม EPN โดยมีความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.2 (95% CI: 2.5 to 5.9, p< 0.001) การควบคุมความดันการไหลของสารละลายในข้อในขณะผ่าตัดพบว่า กลุ่ม TXA (คิดเป็น 58.5% ) มีค่าอุบัติการณ์ที่สูงกว่ากลุ่ม EPN (คิดเป็น 24.4%) แสดงค่าอัตราต่อรอง (OR) เท่ากับ 4.4 (95% CI: 1.5 – 12.7, p = 0.02) และค่าเฉลี่ยของการใช้แรงดันปั๊มในกลุ่ม TXA มีค่าสูงกว่ากลุ่ม EPN โดยมีค่าความ แตกต่างของค่าเฉลี่ย เท่ากับ 3.2 มิลลิเมตรปรอท (95% CI: 1.36 – 5.04, p = 0.001) นอกจากนี้ในระหว่างการ ผ่าตัดและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นภายหลังการผ่าตัด รวมทั้งระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัด ปริมาตรของการใช้เอพริเนฟริน เจือจางในน้ำ อาการปวดและบวม แทบจะไม่มีความแตกต่างระหว่างกัน อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสนใจว่า ความ ปลอดภัยของการใช้เทคนิคทั้งสองแบบไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องของการรักษาสมดุลการไหลของเลือดใน ระหว่างการผ่าตัด สรุปผลการศึกษา : อาสาสมัครในกลุ่ม TXA มีค่าประสิทธิภาพในการควบคุมภาวะเลือดออกและการ พัฒนาต่อความคมชัดของภาพในขณะผ่าตัดส่องกล้องที่ด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอาสาสมัครในกลุ่ม EPN ทั้งนี้ ในขณะทำการศึกษาไม่พบรายงานของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ในระหว่างการผ่าตัดส่องกล้อง

Share

COinS
 
 

To view the content in your browser, please download Adobe Reader or, alternately,
you may Download the file to your hard drive.

NOTE: The latest versions of Adobe Reader do not support viewing PDF files within Firefox on Mac OS and if you are using a modern (Intel) Mac, there is no official plugin for viewing PDF files within the browser window.