Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
การพัฒนามาตรแบบสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับ สุขภาพทางอารมณ์และสังคมในกลุ่มวัยรุ่นไทย
Year (A.D.)
2024
Document Type
Thesis
First Advisor
Rewadee Wattagakosol
Faculty/College
Faculty of Psychology (คณะจิตวิทยา)
Degree Name
Master of Arts
Degree Level
Master's Degree
Degree Discipline
Psychology
DOI
10.58837/CHULA.THE.2024.592
Abstract
In response to growing concerns about youth depression in Thailand, positive psychology has emerged as a promising field for nurturing inner strengths and well-being. Guided by the concept of Covitality, efforts have been made to enhance positive psychological resources; however, comprehensive assessments in this area remain limited. This study aimed to develop and validate the Thai version of the Social and Emotional Health Survey-Secondary (SEHS-S) by examining its psychometric properties. Participants included 502 high school students in Bangkok, with 337 males and 165 females between the ages of 15 and 18. A Structural Equation Modeling (SEM) was employed to test Confirmatory Factor Analysis (CFA) of the second-order factor model, structural path analysis to Subjective Well-Being, and the correlational analysis and point-biserial analysis between SEHS-S outcomes and Quality-of-Life Indicators. Results adequately supported the Covitality construct of the SEHS-S, composing with 12 positive psychological traits (χ2 = 599.187, df = 461, p < .001; SRMR = 0.036; NNFI = 0.972; CFI = 0.977; RMSEA = 0.024, 90% CI [0.019, 0.031]). The structural path analysis indicated Covitaity as a suitable predictor of high school student’s subjective well-being (χ2 = 1089.51, df = 612, p < .001; SRMR = 0.060; NNFI = 0.918; CFI = 0.925; RMSEA = 0.041, 90 % CI [0.037, 0.045]). Furthermore, the correlational results revealed the SEHS-S significantly associated with self-reported academic achievement (r = 0.28, p < .001), and self-reported perceptions of school safety (r = 0.03, p = .001), but no associations to self-reported experienced depressive symptoms (r = -0.08, p = .116). These findings suggested that Thai version of SEHS-S is an appropriate tool in assessing adolescent positive mental health, particularly adolescent within high school contexts.
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
เนื่องด้วยความตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าของกลุ่มเด็กวัยรุ่นในประเทศไทย องค์ความรู้ในด้านจิตวิทยาเชิงบวกได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งภายในจิตใจและสุขภาวะ ในปัจจุบันได้มีความพยายามในการพัฒนาเครื่องมือทางจิตวิทยาเชิงบวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนามโนทัศน์ของตัวแปรจิตวิทยาเชิงบวกร่วม (Covitality) การศึกษาชิ้นนี้มีเป้าหมายเพื่อทดสอบและพัฒนามาตรแบบสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับสุขภาพทางอารมณ์และสังคมในกลุ่มวัยรุ่น (Social and Emotional Health Survey-Secondary; SEHS-S) ที่ใช้มโนทัศน์ของตัวแปรจิตวิทยาเชิงบวกร่วมนี้ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายอายุ 15-18 ปีที่กำลังศึกษาอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 502 คน ประกอบด้วย นักเรียนชาย จำนวน 337 คน และนักเรียนหญิง จำนวน 165 คน การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติใช้เทคนิคการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural Equation Modeling; SEM) โดยวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (CFA) ของโมเดลตัวแปรจิตวิทยาเชิงบวกร่วม วิเคราะห์เส้นทางโครงสร้างระหว่างโมเดลจิตวิทยาเชิงบวกร่วมและสุขภาวะเชิงอัตวิสัย และวิเคราะห์สหสัมพันธ์ระหว่างโมเดลจิตวิทยาเชิงบวกร่วมและตัวชี้วัดคุณภาพชีวิต ผลการวิเคราะห์สนับสนุนโมเดลจิตวิทยาเชิงบวกร่วมของมาตรแบบสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับสุขภาพทางอารมณ์และสังคมในกลุ่มเด็กวัยรุ่น ซึ่งประกอบด้วยตัวแปรจิตวิทยาเชิงบวก 12 ตัวแปร (χ2 = 599.187, df = 461, p < .001; SRMR = 0.036; NNFI = 0.972; CFI = 0.977; RMSEA = 0.024, 90% CI [0.019, 0.031]) ผลการวิเคราะห์เส้นทางโครงสร้างพบว่าโมเดลจิตวิทยาเชิงบวกร่วมในมาตรแบบสำรวจมีความสามารถในการทำนายสุขภาวะเชิงอัตวิสัยของนักเรียนชั้นมัธยมปลาย (χ2 = 1089.51, df = 612, p < .001; SRMR = 0.060; NNFI = 0.918; CFI = 0.925; RMSEA = 0.041, 90 % CI [0.037, 0.045]) และจากการวิเคราะห์สหสัมพันธ์ พบว่าคะแนนที่ได้จากมาตรแบบสำรวจมีความสัมพันธ์ทางบวกกับผลการเรียน (r = 0.28, p < .001) และการรับรู้ความปลอดภัยภายในโรงเรียน (r = 0.03, p = .001) ของนักเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ยังไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่ได้จากมาตรแบบสำรวจและการมีอยู่ของอาการซึมเศร้า (r = -0.08, p = .116) ผลการวิเคราะห์ทั้งหมดข้างต้นได้สนับสนุนการนำไปประยุกต์ใช้ของแบบสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับสุขภาพทางอารมณ์และสังคมในกลุ่มวัยรุ่นไทย เพื่อใช้วัดระดับของจิตวิทยาเชิงบวกของกลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมปลาย
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
Laoritthikrai, Nithikorn, "Development of the social and emotional health survey among Thai adolescents" (2024). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 74430.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/74430