Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Guidelines for promoting orchestras as lifelong music learning resources in Thailand
Year (A.D.)
2024
Document Type
Thesis
First Advisor
สยา ทันตะเวช
Faculty/College
Faculty of Education (คณะครุศาสตร์)
Department (if any)
Department of Art, Music and Dance Education (ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ศึกษา)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ดนตรีศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.2024.474
Abstract
การศึกษาวิจัยในประเด็นเรื่องแนวทางการส่งเสริมวงออร์เคสตราสู่การเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทางดนตรีในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันของวงออร์เคสตราในมุมมองทางด้านการศึกษาและการมีส่วนร่วมในชุมชน และเพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมวงออร์เคสตราสู่การเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทางด้านดนตรีในประเทศไทย โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยแบ่งเป็นการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) ที่ทำการศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันของวงออร์เคสตราในมุมมองทางด้านการศึกษาและการมีส่วนร่วมในชุมชน โดยศึกษาผ่านเว็บไซต์หลักของวงออร์เคสตราที่ทำการศึกษา โปรแกรมการแสดงประจำฤดูกาลของวงออร์เคสตราที่ทำการศึกษา และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่ถูกเผยแพร่โดยวงออร์เคสตราที่ทำการศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 33 วง เก็บข้อมูลวิจัยโดยใช้แบบบันทึกการวิเคราะห์เอกสาร (Documentary Analysis Form) ต่อมาเป็นการศึกษาแนวทางการส่งเสริมวงออร์เคสตราสู่การเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทางด้านดนตรีในประเทศไทย ศึกษาผ่านผู้ให้ข้อมูลสำคัญในงานวิจัยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 15 ท่าน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) เก็บข้อมูลวิจัยโดยใช้แนวทางการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured interview) ผลการวิจัยพบว่า ลักษณะของกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรมทางด้านการศึกษาและการมีส่วนร่วมในชุมชนของวงออร์เคสตราประเภทรายบุคคลสามารถแบ่งตามตามช่วงวัยได้ 6 ลักษณะ ได้แก่ 1) ผู้เข้าร่วมในช่วงปฐมวัย 2) ผู้เข้าร่วมในช่วงวัยเรียน 3) ผู้เข้าร่วมในช่วงวัยรุ่น 4) ผู้เข้าร่วมในช่วงวัยทำงาน 5) ผู้เข้าร่วมในช่วงวัยสูงอายุ และ 6) ผู้เข้าร่วมไม่จำกัดช่วงวัย ในบางกิจกรรมจะมีการระบุลักษณะเพิ่มเติมของผู้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นการระบุลักษณะที่ชัดเจนของผู้เข้าร่วมกิจกรรมให้รู้ว่ากิจกรรมเหล่านั้นออกแบบมาเพื่อกลุ่มเป้าหมายใด สามารถแบ่งออกมาได้ 9 กลุ่มลักษณะ ได้แก่ 1) กลุ่มนักเรียน 2) กลุ่มนักดนตรี หรือนักร้อง 3) กลุ่มวาทยากร 4) กลุ่มนักประพันธ์เพลง 5) กลุ่มครูผู้สอน 6) กลุ่มผู้มีความต้องการพิเศษ 7) กลุ่มนักวิชาการ 8) กลุ่มผู้อุปถัมภ์วง และ 9) กลุ่มช่างสร้างเครื่องดนตรี กลุ่มเป้าหมายกิจกรรมทางด้านการศึกษาและการมีส่วนร่วมในชุมชนของวงออร์เคสตรานอกจากผู้เข้าร่วมที่เป็นบุคคลแล้ว ยังพบกลุ่มเป้าหมายของกิจกรรมของวงยังมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประเภทกลุ่มองค์กรด้วย ได้แก่ 1) สถาบันครอบครัว 2) สถาบันการศึกษา 3) ชุมชน 4) สถานพยาบาล 5) สถานเลี้ยงเด็ก และ 6) งานเทศกาลต่าง ๆ ลักษณะของรูปแบบกิจกรรมทางด้านการศึกษาและการมีส่วนร่วมในชุมชนของวงออร์เคสตรา สามารถสรุปออกมาได้ทั้งสิ้น 5 กลุ่มกิจกรรม ได้แก่ 1) กลุ่มกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแสดง 2) กลุ่มกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบรรยายและการจัดเสวนา 3) กลุ่มกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ 4) กลุ่มกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดโครงการ และการเสริมประสบการณ์จริง และ 5) กลุ่มกิจกรรมอื่นเพิ่มเติม จากการเก็บข้อมูลจากเอกสารและการสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูลสำคัญในประเด็นเรื่องการส่งเสริมวงออร์เคสตราสู่การเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทางดนตรีในประเทศไทย สามารถสังเคราะห์ออกมาเป็นแนวทางของการส่งเสริมวงออร์เคสตราสู่การเป็นห้องเรียนดนตรีตลอดชีวิตในประเทศไทย แบ่งเป็น 9 ประเด็น 1) วงออร์เคสตราในประเทศไทยต้องการผู้อำนวยการดนตรี (Music Director) ที่มีความสามารถ และวิสัยทัศน์ 2) การกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางและการสร้างเอกลักษณ์ของวงออร์เคสตรา 3) พัฒนาการบริหารจัดการวงออร์เคสตราให้เป็นระบบชัดเจนและมีประสิทธิภาพ 4) วงออร์เคสตราจะต้องสร้างสมดุลระหว่างมิติทางธุรกิจ ศิลปะ และการศึกษา 5) วงออร์เคสตราต้องแสวงหาการสนับสนุนเงินทุนและแรงผลักดันจากองค์กรต่าง ๆ 6) สร้างการร่วมมือกันระหว่างวงออร์เคสตรากับการเข้าไปร่วมมือกับสถาบันการศึกษา 7) สถานศึกษากับการให้ความสำคัญกับการศึกษาดนตรี 8) ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องเข้ามาส่งเสริมการกระจายตัวของวงออร์เคสตราสู่ระดับภูมิภาค และให้ความสำคัญกับความหลากหลายของชนิดของวงออร์เคสตรา เพื่อสร้างตลาดและโอกาสในการประกอบอาชีพให้นักดนตรี และ 9) ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการขับเคลื่อนความยั่งยืนของวงออร์เคสตราไทย
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
This research, focusing on guidelines for promoting orchestras as lifelong music learning resources in Thailand, aimed to study the current situation of orchestras from the perspectives of education and community engagement, and to explore approaches to fostering orchestras as lifelong music learning centers in Thailand. A qualitative research methodology was employed, divided into two main parts. Documentary research was conducted to examine the current state of orchestras in terms of education and community participation. This involved studying the main websites, seasonal performance programs, and relevant published documents of 33 selected orchestras. Research data was collected using a Documentary Analysis Form. Subsequently, the study explored guidelines for promoting orchestras as lifelong music learning centers in Thailand through semi-structured interviews with 15 key informants, all of whom were experts selected through purposive sampling.The research findings indicate that individual participants in orchestral educational and community engagement activities can be categorized into six age groups: 1) Early childhood participants, 2) School age participants, 3) Young people participants, 4) Working age participants, 5) Older adults participants, and 6) All ages participants. In some activities, additional participant characteristics were specified to clearly define the target audience, resulting in nine distinct groups: 1) Student participants, 2) Performer participants, 3) Conductor participants, 4) Composer participants, 5) Teacher participants, 6) Participants with Special Needs, 7) Scholars and researchers participants, 8) Patrons and sponsors participants, and 9) Instrument Makers participants. Beyond individual participants, orchestral educational and community engagement activities also targeted organizational groups, including: 1) Family participants, 2) Family participants, 3) Community participants, 4) Hospital participants, 5) Childcare center participants, and 6) Festivals and events participants. The types of orchestral educational and community engagement activities can be summarized into five categories: 1) Performance based activities, 2) Lecture and discussion activities, 3) Workshop and training activities, 4) Project and experiential activities, and 5) Other Additional Activities.Based on the data collected from documents and interviews with key informants regarding the promotion of orchestras as lifelong music learning centers in Thailand, nine key guidelines emerged for fostering orchestras as lifelong music classrooms in Thailand: 1) Thai orchestras require capable and visionary music directors. 2) Clearly defined objectives are crucial for determining the direction and establishing the identity of an orchestra. 3) Developing clear and efficient orchestra management. 4) Orchestras must balance business, artistic, and educational dimensions. 5) Orchestras need to seek funding and momentum from various organizations. 6) Foster collaboration between orchestras and educational institutions. 7) Educational institutions should prioritize music education. 8) Stakeholders must promote the decentralization of orchestras to regional levels and emphasize the diversity of orchestra types to create markets and career opportunities for musicians. 9) Collaboration between the public and private sectors is essential for driving the sustainability of Thai orchestras.
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
แซ่ตั้ง, นลธวัช, "แนวทางการส่งเสริมวงออร์เคสตราสู่การเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทางดนตรีในประเทศไทย" (2024). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 74312.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/74312