Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
การยอมรับความหลากหลายทางเพศของสังคม ความอยู่ดีมีสุข และความปรารถนาต่อการสร้างครอบครัวของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย
Year (A.D.)
2024
Document Type
Thesis
First Advisor
Wiraporn Pothisiri
Faculty/College
College of Population Studies (วิทยาลัยประชากรศาสตร์)
Degree Name
Doctor of Philosophy
Degree Level
Doctoral Degree
Degree Discipline
Demography
DOI
10.58837/CHULA.THE.2024.1091
Abstract
Despite Thailand’s image as a “living paradise” for LGBTQ+ individuals, empirical research on social acceptance and family formation remains limited. Public discourse has questioned whether the growing visibility of LGBTQ+ populations may contribute to the national fertility decline. Given this context, this study focuses on LGBTQ+ individuals and explores three dimensions: (1) societal tolerance toward LGBTIQAN+ individuals and sexual diversity, (2) public attitudes toward LGBTIQAN+ parenting, and (3) the well-being and family formation intentions of LGBTQ+ individuals. Employing a quantitative approach, the study draws on two data sources: (1) secondary data from three waves of the World Values Survey (2007, 2013, 2018), comprising Thai residents aged 18 and older, and (2) primary survey data collected in 2023 from Thai nationals aged 20 and older who self-identify as persons with diverse gender and sexual identities. Analytical methods include algebraic decomposition, multivariate logistic regression, and moderation analysis using the pick-a-point approach and the Johnson-Neyman technique. Findings indicate a positive upward trend in societal tolerance toward LGBTQ+ individuals and sexual diversity, primarily driven by intra-cohort attitudinal changes. However, attitudes toward LGBTQ+ parenting remain more complex. While individuals who expressed tolerance toward LGBTQ+ individuals and sexual diversity were more likely to express non-rejection of LGBTQ+ parenthood, support for gender equality did not consistently predict endorsement of LGBTQ+ parenting—highlighting the influence of heteronormative and binary family constructs. Among LGBTQ+ respondents, approximately half expressed the intention to marry, with slightly fewer indicating a desire to have children. Subgroup differences emerged: gay respondents were significantly less likely to intend to marry, while bisexual respondents were more likely to desire parenthood. Psychosocial factors such as the perceived value of marriage and parenting positively influenced both intentions and desires, while internalized sexual stigma functioned as a significant barrier. These associations varied by gender and sexual identity. These findings highlight that framing LGBTQ+ people as a cause of fertility decline is overly simplistic. A substantial number of LGBTQ+ individuals still value marriage and parenthood and should not be marginalized. Continued cultural and ideological activism remains essential. Sexual and gender minorities must be included in national data systems to ensure representativeness. Promoting a genuine understanding of human and civil rights is crucial to guarantee that all individuals—across all identities and dimensions—have equal access to the welfare and resources necessary to form families. Efforts must avoid victim-blaming, normalizing inequality, and expecting LGBTQ+ individuals to be resilient in the face of prejudice and social exclusion.
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
แม้ว่าประเทศไทยจะมีภาพลักษณ์ว่าเป็น “สวรรค์ของผู้มีความหลากหลายทางเพศ” อย่างไรก็ดี งานวิจัยเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการยอมรับทางสังคมและความปรารถนาในการสร้างครอบครัวของบุคคลกลุ่มนี้ยังคงมีอยู่อย่างจำกัด อีกทั้งยังปรากฏวาทกรรมในสังคมที่ตั้งคำถามว่า การที่บุคคลหลากหลายทางเพศมีจำนวนการปรากฏตัวที่ชัดเจนและเพิ่มมากขึ้นนั้น อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่อัตราการเจริญพันธุ์ของประเทศที่ลดต่ำลงหรือไม่ จากบริบทดังกล่าว งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์ในการศึกษากลุ่มประชากรหลากหลายทางเพศ โดยครอบคลุมสามประเด็นหลัก ได้แก่ (1) ระดับความทนรับของสังคมที่มีต่อตัวบุคคล และพฤติกรรมหลากหลายทางเพศ (2) ทัศนคติของสาธารณชนที่มีต่อการเป็นพ่อแม่ของบุคคลหลากหลายทางเพศ และ (3) ความอยู่ดีมีสุขและความปรารถนาในการสร้างครอบครัวของบุคคลกลุ่มนี้ การศึกษานี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ โดยอาศัยข้อมูลจากสองแหล่ง ได้แก่ (1) ข้อมูลทุติยภูมิจากแบบสำรวจค่านิยมโลก (World Values Survey) ในสามรอบการสำรวจ ได้แก่ พ.ศ. 2550 2556 และ 2561จากกลุ่มตัวอย่างชาวไทยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และ (2) ข้อมูลปฐมภูมิจากแบบสอบถามที่เก็บรวบรวมใน พ.ศ. 2566 จากกลุ่มตัวอย่างชาวไทยที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งนิยามตนเองว่าเป็นบุคคลหลากหลายทางเพศ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการทางสถิติ ได้แก่ การแยกส่วนทางพีชคณิต การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกเชิงพหุ และการวิเคราะห์ตัวแปรกำกับ โดยใช้วิธี pick-a-point และเทคนิค Johnson-Neyman ผลการวิเคราะห์พบว่า ระดับความทนรับของสังคมที่มีต่อตัวบุคคล และพฤติกรรมหลากหลายทางเพศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติภายในกลุ่มรุ่นปีเกิด อย่างไรก็ตาม ทัศนคติของสาธารณชนที่มีต่อการเป็นพ่อแม่ของบุคคลหลากหลายทางเพศ ยังคงมีความซับซ้อน โดยผู้ที่มีทัศนคติทนรับต่อตัวบุคคล และพฤติกรรมหลากหลายทางเพศได้ มีแนวโน้มที่จะไม่ปฏิเสธต่อพ่อแม่หลากหลายทางเพศ ในทางกลับกัน ผู้ที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศระหว่างชายหญิง กลับไม่ได้ขยายการยอมรับไปสู่พ่อแม่หลากหลายทางเพศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของกรอบความคิดแบบรักต่างเพศ และโครงสร้างครอบครัวแบบทวิลักษณ์ที่แบ่งบทบาทตามเพศอย่างชัดเจน สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นบุคคลหลากหลายทางเพศ พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งมีความตั้งใจที่จะแต่งงาน และมีสัดส่วนลดลงเล็กน้อยระบุว่าต้องการมีบุตร โดยพบความแตกต่างระหว่างกลุ่มย่อย ได้แก่ กลุ่มเกย์มีแนวโน้มที่จะแสดงความตั้งใจในการแต่งงานน้อยกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่กลุ่มไบเซ็กชวลมีแนวโน้มต้องการมีบุตรมากกว่ากลุ่มอื่น สำหรับปัจจัยทางจิตสังคม พบว่า การให้คุณค่ากับการแต่งงานและการมีบุตร มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความต้องการสร้างครอบครัว ขณะที่การมีอคติกับตนเองในฐานะบุคคลหลากหลายทางเพศเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความต้องการสร้างครอบครัว ทั้งนี้ ความสัมพันธ์เหล่านี้ยังแตกต่างกันไปตามอัตลักษณ์ทางเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม ข้อค้นพบเหล่านี้สะท้อนว่า การมองประชากรหลากหลายทางเพศว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะเจริญพันธุ์ที่ลดต่ำลงนั้น เป็นการวิเคราะห์ที่ตื้นเขินเกินไป ในความเป็นจริง ยังมีบุคคลหลากหลายทางเพศในจำนวนที่นับว่าสำคัญที่ให้คุณค่ากับการแต่งงานและการมีบุตร ซึ่งไม่ควรถูกมองข้ามหรือละเลย การขับเคลื่อนทางวัฒนธรรมและอุดมการณ์อย่างต่อเนื่องจึงยังคงมีความสำคัญ กลุ่มประชากรหลากหลายทางเพศควรถูกรวมอยู่ในระบบฐานข้อมูลระดับชาติเพื่อสร้างความเป็นตัวแทนทางประชากร การส่งเสริมความเข้าใจอย่างแท้จริงในสิทธิมนุษยชนและพลเมืองเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคคลทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะมีอัตลักษณ์ใด หรือเป็นเรื่องในมิติใด จะสามารถเข้าถึงสวัสดิการและทรัพยากรที่จำเป็นต่อการสร้างครอบครัวได้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ ควรระมัดระวังถึงการกล่าวโทษเหยื่อ การชินชาหรือทำให้ความเหลื่อมล้ำกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม หรือการคาดหวังว่าบุคคลหลากหลายทางเพศจะสามารถยืดหยุ่นและอดทนต่ออคติและการถูกกีดกันทางสังคมได้
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
Manitsorasak, Wirunphat, "Social acceptance, well-being, and the desire to stwqarta family of lgbtq+ people in thailand" (2024). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 74058.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/74058