Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Comparison of bacterial contamination of disposable distal cap duodenoscopes and detachable elevator duodenoscopeswith wire after manual cleaning, a randomized controlled trial
Year (A.D.)
2022
Document Type
Thesis
First Advisor
วิริยาพร ฤทธิทิศ
Second Advisor
รังสรรค์ ฤกษ์นิมิตร
Third Advisor
ธนิษฐา ฉัตรสุวรรณ
Faculty/College
Faculty of Medicine (คณะแพทยศาสตร์)
Department (if any)
Department of Medicine (ภาควิชาอายุรศาสตร์ (คณะแพทยศาสตร์))
Degree Name
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
อายุรศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.2022.1341
Abstract
วัตถุประสงค์ เปรียบเทียบอัตราการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียภายหลังการล้างกล้องขั้นตอนล้างด้วยมือระหว่างกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนที่สามารถถอดส่วนอีลีเวเตอร์และสายลวดได้ และกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนที่สามารถถอดส่วนหุ้มปลายกล้องเปลี่ยนทิ้งได้ และศึกษาสารอินทรีย์ตกค้างรวมถึงศึกษาอัตราส่วนต้นทุนต่อประสิทธิผลที่เพิ่มขึ้นเพื่อประเมินความคุ้มทุนของการลดอัตราการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียในกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนทั้ง 2 ชนิด วิธีการวิจัย ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2565 ถึงกุมภาพันธ์ 2566 มีผู้ป่วย 162 คนเข้ารับการส่องกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนและได้รับการสุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ได้รับการส่องกล้องด้วยกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนที่สามารถถอดส่วนหุ้มปลายกล้องเปลี่ยนทิ้งได้ และกลุ่มที่ 2 ได้รับการส่องกล้องด้วยกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนที่สามารถถอดส่วนอีลีเวเตอร์และสายลวดได้ ภายหลังทำความสะอาดกล้องขั้นตอนล้างด้วยมือและขั้นตอนทำลายเชื้อระดับสูง จะทำการเก็บตัวอย่างเพาะเชื้อแบคทีเรียจากส่วนอีลีเวเตอร์ และตามด้วยการตรวจอะดีโนซีนไตรฟอสเฟตเพื่อประเมิณระดับสารอินทรีย์ที่ตกค้าง ผลการศึกษา ภายหลังขั้นตอนการทำความสะอาดกล้องด้วยมือ พบว่าอัตราการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 (ร้อยละ 8.6 เทียบกับ ร้อยละ 8.6, p=1.00) และไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของค่าเฉลี่ยของระดับของอะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (164.6±257.5 RLUs เทียบกับ 158.1±286.1 RLUs, p=0.88) ในระหว่าง 2 กลุ่ม และภายหลังการทำความสะอาดกล้องขั้นตอนการทำลายเชื้อระดับสูง ไม่พบการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียจากกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนในทั้ง 2 กลุ่ม และไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของค่าเฉลี่ยของระดับของอะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (30.1±45.3 RLUs เทียบกับ 37.5±151.9 RLUs, p=0.68) ในระหว่าง 2 กลุ่ม โดยกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนชนิดที่ถอดส่วนปลอกหุ้มปลายกล้องเปลี่ยนทิ้งได้มีค่าใช้จ่ายมากกว่ากล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนชนิดที่สามารถถอดส่วนอีลีเวเตอร์และสายลวดได้ 688,224 บาท โดยให้อัตราการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียภายหลังขั้นตอนการล้างกล้องด้วยมือเท่ากันที่ร้อยละ 8.6 สรุป การปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียของกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนที่สามารถถอดส่วนอีลีเวเตอร์และสายลวดได้ไม่ได้ต่ำกว่ากล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนที่สามารถถอดส่วนหุ้มปลายกล้องเปลี่ยนทิ้งได้ภายหลังขั้นตอนการล้างด้วยมือ อย่างไรก็ตามไม่พบการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียในกล้องทั้งสองชนิดหลังการทำความสะอาดตามมาตรฐานเสร็จสิ้น และด้วยอัตราการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่เท่ากันของกล้องทั้งสองชนิดนี้ กล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนที่สามารถถอดส่วนอีลีเวเตอร์และสายลวดได้ มีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า 679,645 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับกล้องตรวจท่อน้ำดีและตับอ่อนที่สามารถถอดส่วนหุ้มปลายกล้องเปลี่ยนทิ้งได้
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
Objectives: Compared the rates of bacterial contamination of disposable distal cap duodenoscopes and detachable elevator duodenoscopes with wire after manual cleaning. We also evaluated organic residue after manual cleaning and high-level disinfection (HLD) in the two groups using adenosine triphosphate (ATP) levels. In addition, we assessed the incremental cost effectiveness ratio (ICER) in both types of duodenoscopes. Methods: Between July 2022 and February 2023, 162 used duodenoscopes were randomly assigned to one of two groups: group A (disposable distal cap duodenoscopes; n=81) and group B (detachable elevator duodenoscopes with wire; n=81). Following manual cleaning and HLD, samples were collected from the elevator and sent for culture, followed by the adenosine triphosphate (ATP) test to assess organic residues in relative light unit (RLU). Results: After manual cleaning, the rates of bacterial contamination (8.6% vs. 8.6%, p=1.00) and mean ATP levels (164.6±257.5 RLUs vs. 158.1±286.1 RLUs, p=0.88) were not different between group A and group B. After HLD, no bacterial contamination was reported in group A and B whereas mean ATP levels did not differ between the two groups (30.1±45.3 RLUs vs. 37.5±151.9 RLUs, p=0.68). Based on the ICER analysis, the disposable distal cap duodenoscope costs 20,171 USD more than the detachable elevator duodenoscope with wire to provide a similar rate of contamination at 8.6% after manual cleaning. Conclusions: After manual cleaning, the rates of bacterial contamination in detachable elevator duodenoscopes with wires were not lower than disposable distal caps duodenoscopes. No bacterial contamination was detected in both types of duodenoscope after reprocessing. With a similar rate of bacterial contamination after manual cleaning, the detachable elevator duodenoscope with wire could save 20,171 USD compared to duodenoscopes with disposable caps.
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
บัวทอง, จิรายุส, "การทดลองแบบสุ่มเพื่อเปรียบเทียบการปนเปื้อนของ แบคทีเรียในกล้องตรวจท่อน้ำดี และตับอ่อนภายหลังจากการล้างตามขั้นตอนล้างด้วยมือระหว่างกล้องที่สามารถเปลี่ยนส่วนหุ้มปลายกล้องทิ้งได้และกล้องที่สามารถถอดส่วนอีลีเวเตอร์และสายลวดได้" (2022). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 73794.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/73794