Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Association of renal functional reserve and 180-days major adverse kidney events (MAKEs) in acute kidney injury survivors
Year (A.D.)
2022
Document Type
Thesis
First Advisor
ณัฐชัย ศรีสวัสดิ์
Second Advisor
สดุดี พีรพรรัตนา
Faculty/College
Faculty of Medicine (คณะแพทยศาสตร์)
Department (if any)
Department of Medicine (ภาควิชาอายุรศาสตร์ (คณะแพทยศาสตร์))
Degree Name
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
อายุรศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.2022.1340
Abstract
ที่มา: ในปัจจุบันยังไม่มีแนวทางมาตรฐานในการประเมินหลังภาวะไตวายเฉียบพลัน ระดับการทำงานของไตสำรอง (renal functional reserve, RFR) เป็นการวัดความสามารถในการเพิ่มอัตราการกรองของไตภายใต้การตอบสนองต่อสิ่งเร้าซึ่งอาจเป็นเครื่องมือในการทำนายความอ่อนไหวต่อการบาดเจ็บและการฟื้นตัวของไต งานวิจัยนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาระดับการทำงานของไตสำรองในการทำนายอัตราการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำคัญต่อไตภายในร้อยแปดสิบวันในผู้ป่วยที่รอดชีวิตหลังภาวะไตวายเฉียบพลัน ซึ่งประกอบด้วยอัตราการเสียชีวิต การบำบัดทดแทนไต หรือภาวะไตทำงานผิดปกติถาวร วิธีการศึกษา: รูปแบบการศึกษาเป็นงานวิจัยแบบ prospective cohort study โดยผู้ป่วยที่มีอัตราการกรองของไตมากกว่า 30 มล./นาที/1.73 ตร.ม. ภายหลังภาวะไตวายเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง และมีอัตราการกรองของไตตั้งต้นมากกว่า 60 มล./นาที/1.73 ตร.ม. ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2564 ถึงมีนาคม 2566 โดยการวัดระดับการทำงานของไตสำรองโดยการให้กรดอะมิโนทางหลอดเลือดดำที่ 1 และ 3 เดือนภายหลังออกจากโรงพยาบาล โดยผลลัพธ์ของการศึกษาหลักคืออัตราการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำคัญต่อไตภายในร้อยแปดสิบวัน และผลลัพธ์ของการศึกษารองคืออัตราการเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันซ้ำภายใน 6 เดือน และอัตราการเกิดภาวะไตวายเรื้อรังภายใน 6 เดือน ผลการศึกษา: จากผู้รอดชีวิตจากภาวะไตวายเฉียบพลันทั้ง 56 คน มี ร้อยละ 26.8 เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำคัญต่อไตภายในร้อยแปดสิบวัน และ ร้อยละ 33.9 เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันซ้ำภายใน 6 เดือน และ ร้อยละ 44.6 เกิดภาวะไตวายเรื้อรังภายใน 6 เดือน โดยผู้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำคัญต่อไตภายในร้อยแปดสิบวัน มีระดับการทำงานของไตสำรองที่ 1 เดือน ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ (0.86 เทียบกับ 13.48 มล./นาที/1.73 ตร.ม. p=0.002) และด้วย AUC 0.77 และผู้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำคัญต่อไตภายในร้อยแปดสิบวัน มีระดับการทำงานของไตสำรองที่ 3 เดือน ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ (-0.69 เทียบกับ 17.57 มล./นาที/1.73 ตร.ม. p=<0.001) และด้วย AUC 0.91 โดยผู้ป่วยที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำคัญต่อไตภายในร้อยแปด สิบวันมีแนวโน้มลดลงของระดับการทำงานของไตสำรองในทางตรงกันข้ามผู้ป่วยที่ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำคัญต่อไตภายใน ร้อยแปดสิบวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น(-4.39 เทียบกับ 14.34 มล./นาที/1.73 ตร.ม. p=<0.001) ผู้ที่เกิดภาวะไตวายเรื้อรังและภาวะไต วายเฉียบพลันซ้ำมีระดับการทำงานของไตสำรองที่ 1 และ 3 เดือน ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญและด้วย AUC ที่ดี สรุปผลการศึกษา: ระดับการทำงานของไตสำรองภายหลังภาวะไตวายเฉียบพลันสามารถทำนายอัตราการเกิดผลลัพธ์ ไม่พึงประสงค์ต่อไตภายในร้อยแปดสิบวัน อย่างไรก็ตามระดับการทำงานของไตสำรองภายหลังภาวะไตวายเฉียบพลันในการทำนาย ผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์ต่อไตภายในระยะยาวจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
Background: There is a lack of evidence to guide optimal post-acute kidney injury (AKI) care. Renal functional reserve (RFR) measures the capacity of the kidney to increase glomerular filtration rate (GFR) under various physiologic stresses and is potentially a marker to predict the susceptibility to injury and refine the recovery of kidney function. We aim to examine the association between post-AKI RFR and major adverse kidney events at 180 days after hospital discharge (MAKE180) including death, new kidney replacement therapy, and persistent renal dysfunction. Methods: We enrolled patients with baseline eGFR of >60 mL/min/1.73 m2 who survived from moderate to severe AKI with eGFR of >30 mL/min/1.73 m2 at hospital discharge between November 2021 to March 2023. RFR was measured by using intravenous amino acid infusion at 1 and 3 months after discharge. Primary end point is the predictive performance of post-AKI RFR for MAKE180. Secondary end points include the performance of RFR to predict recurrent AKI and incident chronic kidney disease (CKD) within 6 months. Results: Among 56 AKI survivors enrolled, 26.8%, 33.9% and 44.6% patients developed MAKE180, recurrent AKI, and incident CKD, respectively. Median RFR at 1 and 3 months after AKI are significant lower in those who developed MAKE180 compared with those who did not (0.86 vs 13.48 mL/min/1.73 m2, p=0.002 and -0.69 vs 17.57 mL/min/1.73 m2, p=<0.001, respectively). Patients with MAKE180 had RFR declination (negative difference RFR), in contrast, those without MAKE180 had RFR improvement over 3 months (-4.39 vs 14.34 mL/min/1.73 m2 , p=<0.001). The RFR at 1 and 3 months could predict MAKE180 with an AUC of 0.77 and AUC of 0.91, respectively. Those who developed incident CKD and recurrent AKI had a significantly lower postAKI RFR at 1 and 3 months and predicted incident CKD and recurrent AKI with good AUC. Conclusions: Post-AKI RFR is highly predictive of poor kidney outcomes at 6 months. Larger prospective studies are warranted to explore the association between a reduced RFR and poor outcomes in post-AKI survivors.
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เทียบรัตน์, วงศธร, "ความสัมพันธ์ระหว่างระดับการทำงานของไตสำรองกับอัตราการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำคัญต่อไตภายในร้อยแปดสิบวันในผู้ป่วยที่รอดชีวิตหลังภาวะไตวายเฉียบพลัน" (2022). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 73793.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/73793