Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

แนวทางการแก้ไขปัญหาการสวมทะเบียน อย. ด้วยการตรวจสอบโดยองค์กรเอกชน : กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

Year (A.D.)

2024

Document Type

Independent Study

First Advisor

ศุภศิษฏ์ ทวีแจ่มทรัพย์

Faculty/College

Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)

Degree Name

ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

กฎหมายเศรษฐกิจ

DOI

10.58837/CHULA.IS.2024.184

Abstract

ปัจจุบันประชาชนในสังคมไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มในการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ มากขึ้น จึงเกิดเป็นกระแสรักสุขภาพ โดยเฉพาะช่วงหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโคโรนา 2019 (COVID-19) จนการดูแลสุขภาพเริ่มกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ของประชาชนโดยทั่วไป ด้วยการดูแลตัวเองให้ดีทั้งสุขภายกายและสุขภาพใจ เน้นการป้องกันโรค รวมถึงการสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงมากกว่าการรักษาโรคในภายหลัง นอกจากนี้ผู้คนในวัยทำงานมีวิถีชีวิตที่ค่อนข้างเร่งรีบ จึงต้องการความสะดวกรวดเร็ว การบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและตอบสนองความต้องการในการดูแลสุขภาพได้ ทำให้ผู้ประกอบการมองเห็นความต้องการในการดูแลสุขภาพซึ่งสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ตลาดเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเติบโตและขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากความต้องการข้างต้น ทำให้สถานการณ์ตลาดของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก Euromonitor International 2566 พบว่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวมในปี 2566 กว่า 78,505 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 9 จากปี 2565 แสดงให้เห็นว่าท้องตลาดปัจจุบันมีการเติบโตของผลิตภัณฑ์เสริมอย่างมาก ทำให้เกิด การแข่งขันในการขายสินค้า มีตัวเลือกผลิตภัณฑ์จำนวนมากให้กับผู้บริโภคเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลในปัจจุบัน แต่การที่มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากมายและการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นในท้องตลาด ทำให้เกิดข้อเสียขึ้น โดยมีผู้ประกอบการบางรายทำการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการสวมทะเบียน อย. กล่าวคือ ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการใช้ฉลากหรือเลขสารบบอาหารที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างไม่ถูกต้อง เพื่อเร่งกระจายสินค้าออกสู่ตลาด เนื่องจากการขออนุญาตผลิตภัณฑ์และทะเบียนใช้เวลาดำเนินการค่อนข้างนาน ไม่ทันต่อการแข่งขันในท้องตลาด และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยังมีช่องโหว่ให้สามารถดำเนินการได้ ทำให้ผู้บริโภคอาจได้รับผลกระทบที่เป็นอันตรายทางด้านสุขภาพจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการสวมทะเบียนเหล่านี้ และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการรับรองผลิตภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอีกด้วย แม้ว่ากฎหมายจะมีมาตรการในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์และทะเบียน แต่ดูเหมือนว่ามาตรการ ในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์และทะเบียนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ โดยปัจจุบันมีเพียงการสุ่มตรวจสอบผลิตภัณฑ์ และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เมื่อมีการร้องเรียนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เท่านั้น ทั้งนี้การตรวจสอบดังกล่าวจึงยังไม่เพียงพอและครอบคลุมต่อปริมาณผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในท้องตลาดที่มีจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ดังนั้น จึงควรศึกษาหาความเป็นไปได้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบผลิตภัณฑ์และทะเบียน อันจะทำให้ปัญหาการสวมทะเบียนลดน้อยลง

This document is currently not available here.

Share

COinS