Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

แนวทางในการกำกับดูแลผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์: ศึกษากรณีได้รับผลตอบแทน

Year (A.D.)

2024

Document Type

Independent Study

First Advisor

วิโรจน์ วาทินพงศ์พันธ์

Faculty/College

Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)

Degree Name

ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

กฎหมายเศรษฐกิจ

DOI

10.58837/CHULA.IS.2024.185

Abstract

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีและสื่อสังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน "อินฟลูเอนเซอร์" ได้กลายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อความคิดและการตัดสินใจของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตลาดและเศรษฐกิจ อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok พวกเขาสามารถสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของผู้ติดตามได้ ทำให้พวกเขาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการตลาดและการส่งเสริมการขาย “อินฟลูเอนเซอร์” เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมสูง และเติบโตเร็วทั่วโลก โดยข้อมูลจาก Nielsen ระบุว่าปี 2565 ประเทศในอาเซียน (AEC) มีอินฟลูเอนเซอร์รวมกันถึง 13.5 ล้านคน การเติบโตที่รวดเร็วเพราะเป็นช่องทางสร้างรายได้ทั้งจากการโฆษณาสินค้าและรีวิวสินค้ากับกลุ่มผู้ติดตาม (Follower) โดยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ภาคธุรกิจทั่วโลก 19,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2566 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 140,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7.4 เท่า ภายใน 7 ปี สำหรับประเทศไทยมีอินฟลูเอนเซอร์แบบทำเต็มเวลาจำนวน 2 ล้านคน ถือเป็นอันดับ 2 เมื่อเปรียบเทียบในภูมิภาคอาเซียนนับเป็นรองจากประเทศอินโดนีเซีย โดยที่ประเทศไทยมีขนาดตลาดอินฟลูเอนเซอร์ภายในประเทศคิดเป็นมูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มการเติบโตของขนาดตลาดอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศต่อเนื่องปีละ 25-30% ซึ่งจำเป็นที่ภาครัฐต้องกำหนดนโยบายดูแลที่เหมาะสม รวมทั้งจัดทำข้อกฎหมายรองรับเหมือนหลายประเทศที่ตื่นตัวเรื่องนี้ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า อินฟลูเอนเซอร์ที่มีจำนวนมากและเป็นในอาชีพที่มีความนิยมมากขึ้น ซึ่งเป็นอาชีพที่ในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ที่มีผู้สนใจจำนวนมาก ทั้งนี้ เพราะเป็นอาชีพมีรายได้และผลตอบแทนดี และตรงพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่เข้าถึงและรู้จักใช้เทคโนโลยีและมีการรับข้อมูลข่าวสารจากโซเชียลมีเดียและเลือกที่จะเชื่อข้อมูลจากบุคคลทั่วไปที่มีอิทธิพลต่อความคิด หรือ อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามมาก ดังนั้นแล้วประเทศไทยควรจะมีการเพิ่มเติมแนวทางการกำกับดูแลกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับผลตอบแทนเพื่อปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ทราบถึงการโฆษณาอย่างโปร่งใสและความสัมพันธ์เชิงธุรกิจของผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์และผู้ประกอบการ โดยศึกษาจากตัวอย่างของกฎหมายและมาตรการของต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบททางสังคมไทย

This document is currently not available here.

Share

COinS