Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Year (A.D.)

2019

Document Type

Independent Study

First Advisor

วิโรจน์ วาทินพงศ์พันธ์

Faculty/College

Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)

Degree Name

ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

กฎหมายเศรษฐกิจ

DOI

10.58837/CHULA.IS.2019.133

Abstract

บรรจุภัณฑ์ถือเป็นสิ่งที่จําเป็นและสําคัญสําหรับสินค้าอุปโภคบริโภค แทบจะไม่มีสินค้า ใดที่จะไม่บรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์จึงมีหน้าที่หลักเพื่อบรรจุ ห่อหุ้ม ปกป้อง รักษาคุณภาพ ของสินค้า อํานวยความสะดวกในการขนส่ง การจําหน่ายสินค้า แต่เมื่อมีการแข่งขันทางการค้ามากขึ้น ทําให้บรรจุภัณฑ์เข้ามามีบทบาทหน้าที่ด้านการตลาดในการช่วยส่งเสริมทางการตลาด ช่วยเพิ่มมูลค่า สินค้า เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค ทําให้แนวความคิดในการออกแบบบรรจุภัณฑ์จากเดิมที่จะ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีขนาดที่เหมาะสมกับตัวผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน กลับกลายเป็น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่เกินจริงหรือเกินความจําเป็น เพื่อสนองตอบความสะดวกสบาย ในการอุปโภคบริโภคและการแข่งขันทางการตลาด จากการศึกษาพบว่ามีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีขนาด ใหญ่กว่าปริมาณที่บรรจุจริง โดยภายในบรรจุภัณฑ์มีพื้นที่ว่างเฉลี่ยตั้งแต่ร้อยละ 20 – 40 จึงเป็นการ ใช้ทรัพยากรที่ฟุ่มเฟือย ก่อให้เกิดการสร้างขยะโดยไม่จําเป็น การใช้บรรจุภัณฑ์สําหรับสินค้าอุปโภคบริโภคมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ ในขณะเดียวกันตัวบรรจุภัณฑ์ก็มีอายุการใช้งานที่สั้นและกลายสภาพเป็นขยะอย่างรวดเร็ว จึงเป็น ภาระปัญหาในการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมาก อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพอนามัย ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น มากกว่า 27 ล้านตันต่อปี โดยขยะที่เป็นบรรจุภัณฑ์และวัสดุเหลือใช้มีปริมาณสูงถึง 1 ใน 3 ของ ปริมาณขยะทั่วประเทศ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ในสินค้าอุปโภคบริโภคก็ยังไม่มีการ กําหนดในเรื่องของขนาดบรรจุภัณฑ์ที่จะนํามาใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์ได้ ในขณะเดียวกัน แม้รัฐบาลมีการนําหลักการ 3Rs คือ ลดการใช้ (Reduce) นํากลับมา ใช้ซ้ํา (Reuse) และแปรรูปนํากลับมาใช้ใหม่ (Recycle) มาประยุกต์ใช้ในการลดการใช้บรรจุภัณฑ์ ที่ฟุ่มเฟือยเพื่อลดการสร้างขยะ แต่หลักการดังกล่าวเป็นเพียงแนวนโยบายที่ไม่สภาพบังคับทาง กฎหมายจึงยังไม่สามารถนํามาใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการศึกษามาตรการของ ต่างประเทศพบว่า สาธารณรัฐเกาหลี มีการนําหลักการ 3Rs มาใช้เป็นมาตรการหลักในการแก้ไข ปัญหาขยะ โดยนํามาเป็นหลักการในการกําหนดมาตรการทางกฎหมายที่สามารถนํามาบังคับใช้ใน การควบคุมเพื่อลดการใช้บรรจุภัณฑ์ และลดปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ จากการศึกษา ผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอแนะให้ประเทศไทยมีการแก้ไขปัญหาขยะโดยการ กําหนดมาตรการทางกฎหมายมาควบคุมการใช้บรรจุภัณฑ์โดยการกําหนดสัดส่วนพื้นที่ว่างภายใน บรรจุภัณฑ์และจํานวนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการหีบห่อสําหรับสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทที่เป็นสินค้าที่ ใช้ในชีวิตประจําวันและก่อให้เกิดขยะเป็นจํานวนมาก เช่นเดียวกับมาตรการของสาธารณรัฐเกาหลี เพราะมาตรการทางกฎหมายย่อมมีสภาพบังคับใช้ผู้ประกอบการยึดถือปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน เพราะหากเป็นแค่เพียงการรณรงค์ ส่งเสริม หรือขอความร่วมมือนั้น ย่อมไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ใน ระยะยาวได้ แต่อย่างไรก็ตาม การกําหนดมาตรการในการควบคุมขนาดบรรจุภัณฑ์ ควรมีการวางแผน และกําหนดระยะช่วงเวลาในการดําเนินการเพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมตัวในการปรับเปลี่ยนบรรจุ ภัณฑ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกําหนดไว้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้ กฎหมายและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

Share

COinS
 
 

To view the content in your browser, please download Adobe Reader or, alternately,
you may Download the file to your hard drive.

NOTE: The latest versions of Adobe Reader do not support viewing PDF files within Firefox on Mac OS and if you are using a modern (Intel) Mac, there is no official plugin for viewing PDF files within the browser window.