Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Year (A.D.)

2017

Document Type

Independent Study

First Advisor

ศุภลักษณ์ พินิจภูวดล

Faculty/College

Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)

Degree Name

ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

กฎหมายเศรษฐกิจ

DOI

10.58837/CHULA.IS.2017.50

Abstract

ประเทศไทยพึ่งพาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่มาจากก๊าซธรรมชาติในสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 60 และเชื้อเพลิงถ่านหินสูงถึงร้อยละ 18 ถือได้ว่าประเทศไทยของเรามีอัตราการพึ่งพาเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วหมดไปเพื่อผลิตไฟฟ้าสูงมากประเทศหนึ่งของโลก รัฐบาลจึงต้องการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในภาพรวมของทั้งประเทศให้อยู่ที่ร้อยละ 20 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 2 เท่าตัว และรัฐบาลได้มีการผลักดันให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนเพื่อจาหน่ายให้แก่ภาครัฐ โดยรัฐบาลกำหนดให้มีมาตรการสนับสนุนต่างๆเพื่อจูงใจผู้ผลิต เช่น การเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า การบรรเทาภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลและอากรขาเข้าเครื่องจักร เป็นต้น แต่จากการวิจัยผู้เขียนพบว่ายังขาดมาตรการทางภาษีท้องถิ่นที่ชัดเจนโดยเฉพาะกรณีภาษีโรงเรือนและที่ดิน ปัจจุบันพบว่า การประเมินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนั้นมีความไม่แน่นอนและอาศัยดุลพินิจในการประเมินค่ารายปี ผู้เขียนพบว่าการประเมินมูลค่ากังหันลมเพื่อหาค่ารายปีที่ทรัพย์สินสมควรให้เช่าได้นั้นทำได้ยากมาก ซับซ้อน และขึ้นอยู่กับการตีความข้อกฎหมายและสมมุติฐานอื่นๆที่ไม่ชัดเจน ทำให้ภาระภาษีมีความไม่แน่นอนและเป็นอุปสรรคต่อผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ถึงแม้ว่าร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะนามาใช้แทนก็ยังไม่ได้ไม่คำนึงถึงทรัพย์สินประเภทกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า และผู้เขียนพบว่า ร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหากำมาใช้ การเสียภาษีจากมูลค่าสิ่งปลูกสร้างที่เป็นกังหันลมที่มีต้นทุนสูง และมูลค่าที่ดินผืนใหญ่ ยิ่งจะทำให้ภาระภาษีเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เป็นอุปสรรคต่อผู้ผลิตไฟฟ้าและส่งผมกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ เนื่องจากโครงสร้างเสากังหันลม กังหันลมเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าสูงมาก มีลักษณะที่ไม่เหมือนกับสิ่งปลูกสร้างอื่นๆทั่วไป ธุรกิจผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันลมต้องใช้มี่ดินจำนวนมาก จึงทำให้มีภาระภาษีทรัพย์สินที่สูงมากจนเป็นอุปสรรค ทั้งๆที่ธุรกิจนี้มีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายของต่างประเทศที่กำหนดบทบัญญัติในการจัดเก็บภาษีที่มีลักษณะเฉพาะสำหรับผู้ปะกอบการด้านพลังงานทดแทน และมีผลเป็นการสร้างความแน่นอนทางภาษีและบรรเทาภาระภาษีในการประกอบธุรกิจประเภทนี้ ดังนั้น ผู้เขียนมีข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยเสนอให้ตราบทบัญญัติกฎหมายภาษีทรัพย์สินที่มีลักษณะเฉพาะ เพื่อเก็บภาษีผู้ประกอบการด้านพลังงานทดแทนให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรม โดยมีหลักการคล้ายๆกับมาตรการทางภาษีท้องถิ่นของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการออกกฎหมายเฉพาะขึ้นมาเพื่อเก็บภาษีผู้ประกอบการด้านพลังงานทดแทน หรือที่เรียกกันว่า Nameplate Capacity Tax ซึ่งเป็นการพัฒนาปรับปรุงการวิธีการจัดเก็บภาษีท้องถิ่นให้มีความเหมาะสมกับกิจการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม เพื่อลดการใช้ดุลพินิจ เพื่อส่งเสริม และสร้างความยั่งยืนทางพลังงานของประเทศไทย

Share

COinS
 
 

To view the content in your browser, please download Adobe Reader or, alternately,
you may Download the file to your hard drive.

NOTE: The latest versions of Adobe Reader do not support viewing PDF files within Firefox on Mac OS and if you are using a modern (Intel) Mac, there is no official plugin for viewing PDF files within the browser window.