Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Year (A.D.)
2017
Document Type
Independent Study
First Advisor
อดิศักดิ์ สืบประดิษฐ์
Faculty/College
Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)
Degree Name
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
กฎหมายเศรษฐกิจ
DOI
10.58837/CHULA.IS.2017.49
Abstract
ในปัจจุบันประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ซึ่งหมายถึง สังคมที่มี ประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มีจำนวนมากกว่าร้อยละ 7 ของจานวนประชากรทั้งหมด โดยขณะนี้ ประเทศไทยมีประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มากถึงร้อยละ 10 หรือมากกว่า 7 ล้านคน ในขณะที่อัตรา การเจริญพันธุ์ลดลงจาก 5 คนต่อสตรีหนึ่งคนในปี พ.ศ. 2507 เหลือเพียง 1.6 คนต่อสตรีหนึ่งคนใน ปัจจุบันผลจากการที่ประเทศไทยเริ่มมีอัตราส่วนผู้สูงอายุมากขึ้นและมีอัตราการเกิดของเด็กลดลง ทำให้ประชากรวัยทางานที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ลดลงตามไปด้วย ซึ่งปัญหาเหล่านี้หากไม่วางแผนรับมือให้ดีอาจก่อให้เกิดปัญหาได้ในระยะยาวทั้งในด้านสังคมและภาคเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลก็ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้ออกมาตรการส่งเสริมการมีบุตร ณ วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ได้มีการประกาศบังคับใช้กฎกระทรวงฉบับที่ 338 พ.ศ. 2561 มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสสำหรับค่าฝากครรภ์และค่า คลอดบุตรตามที่ได้จ่ายจริงสาหรับการตั้งครรภ์แต่ละคราวแต่ต้องไม่เกิน 60,000 บาท ถ้าการจ่ายค่า ฝากครรภ์และการคลอดบุตรได้มีการจ่ายต่างปีภาษี ให้ยกเว้นเงินได้ตามจานวนที่จ่ายจริงแต่รวมกัน แล้วต้องไม่เกิน 60,000 บาท ซึ่งวัตถุประสงค์ของกฎกระทรวงฉบับที่ 338 ดังกล่าวนั้นมีขึ้นเพื่อที่จะ ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรและจูงใจให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสมีบุตรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอที่จะจูงใจให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสมีบุตรเพิ่มขึ้นเนื่องจากภาระ ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรที่เพิ่มขึ้นจากการมีบุตรเพิ่มนั้นสูงกว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับ นอกจากนี้ ณ ขณะที่ได้จัดทาเอกัตศักษาฉบันนี้ เงื่อนไขในการได้รับสิทธิยกเว้นเงินได้ค่า คลอดบุตรตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรยังไม่ได้มีการประกาศบังคับใช้ไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่กาลังเผชิญกับปัญหาอัตราการเกิดลดลง แม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วต่างก็ประสบปัญหาอัตราการเกิดลดลงที่เช่นกัน โดยประเทศสิงคโปร์ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีอัตราส่วนผู้สูงอายุมากสุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการที่ประชากรมีอายุยืนยาวขึ้นประกอบกับอัตราการเกิดของเด็กทารกลดลงอย่างมาก หากสถานการณ์ดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปจะทำให้ประเทศประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมได้ในอนาคต รัฐบาลประเทศสิงคโปร์จึงได้ออกมาตรการทางสังคมและมาตรการทางภาษีต่าง ๆ มาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ จากการศึกษาพบว่า มีมาตรการส่งเสริมการมีบุตรของประเทศสิงคโปร์บางมาตรการที่สามารถนำมาเป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้ในประเทศไทยได้ โดยการกำหนดให้มีการให้ส่วนลดภาษีจากการให้กำเนิดบุตรแทนการยกเว้นภาษีเงินได้ให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรส รวมถึงการออกมาตรการเงินฝากเพื่อการพัฒนาเด็กโดยให้กำหนดเงื่อนไขการเบิกจ่ายเช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ อีกทั้งยังเสนอให้กำหนดสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สาหรับค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรครอบคลุมในกรณีที่มารดาไม่มีเงินได้และความเป็นสามีภรรยามีไม่ครบปี ได้แก่ สามีภรรยาตายจากกันในระหว่างปี หรือสามีภรรยาหย่าขาดจากกันระหว่างปี หรือสามีภรรยาแต่งงานกันระหว่างปี รวมถึงกรณีชายและหญิงอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยาอย่างเปิดเผยโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่ได้มีการให้กำเนิดบุตร
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ศิรินันท์ธนานนท์, สนั่น, "มาตรการทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อส่งเสริมการมีบุตร" (2017). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 6799.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/6799