Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Year (A.D.)
2017
Document Type
Independent Study
First Advisor
ทัชชมัย ทองอุไร
Faculty/College
Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)
Degree Name
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
กฎหมายเศรษฐกิจ
DOI
10.58837/CHULA.IS.2017.39
Abstract
การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาถึงสิทธิประโยชน์ของโครงการใช้บัตรเดบิตแทนเงินสดภายใต้ยุทธศาสตร์ National e-Payment ของประเทศไทยที่รัฐบาลมอบให้โดยเปรียบเทียบกับสิทธิประโยชน์ของสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จกับการนำระบบ Cash Receipt System (CRS) มาบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมการซื้อสินค้าและบริการด้วยบัตร รวมถึงให้สิทธิประโยชน์และออกมาตรการจูงใจสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการทั้งผู้ซื้อสินค้าและร้านค้าที่เข้าร่วมระบบงาน CRS ทำให้กรมสรรพากรเกาหลีสามารถจัดเก็บภาษีจากธุรกรรมผ่านบัตรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการศึกษาพบว่าสิทธิประโยชน์ของโครงการใช้บัตรเดบิตแทนเงินสดภายใต้ยุทธศาสตร์ National e-Payment ของประเทศไทยที่รัฐบาลมอบให้ยังมีประเด็นปัญหาที่สำคัญอยู่ 3 ประการ คือ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษียังไม่จูงใจให้ประชาชนและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเข้าร่วมโครงการ การกำหนดระยะเวลาในการจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ให้ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยมีระยะเวลาในช่วง 2-5 ปี ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่ และระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ของโครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตทุกเดือนเป็นระยะเวลา 1 ปี เป็นการจูงใจผู้ประกอบการในระยะสั้น ซึ่งไม่เหมาะสมกับโครงการใช้บัตรเดบิตแทนเงินสดภายใต้ยุทธศาสตร์ National e-Payment ของประเทศไทยที่เพิ่งเป็นที่รู้จักในช่วง 2-3 ปี ซึ่งปัญหาทั้ง 3 ประการถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้โครงการใช้บัตรเดบิตในประเทศไทยยังไม่ได้รับความนิยม และไม่สามารถประสบความสำเร็จตามที่รัฐบาลคาดหวัง เมื่อเปรียบเทียบกับสิทธิประโยชน์ของสาธารณรัฐเกาหลี พบว่ากรมสรรพากรเกาหลีให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ทั้งผู้ซื้อสินค้าที่ใช้จ่ายบัตรและผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการโดยก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ สำหรับระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสาธารณรัฐเกาหลีไม่ได้กำหนดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ และแม้ว่าสาธารณรัฐเกาหลีจะไม่มีการให้สิทธิประโยชน์แจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตเช่นเดียวกับประเทศไทย แต่มีการให้เงินรางวัลแก่ผู้แจ้งชื่อร้านค้าที่ไม่ออกใบเสร็จรับเงิน ดังนั้น ประเทศไทยควรปรับเปลี่ยนการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยมุ่งให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ประโยชน์อย่างแท้จริง รวมถึงควรขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการได้มากขึ้น ผู้เขียนได้เสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาทั้ง 3 ประการ โดยผู้เขียนเห็นว่าวิธีการดังกล่าวมีความเหมาะสมและควรปรับปรุง สามารถประยุกต์และปรับใช้กับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้โครงการใช้บัตรเดบิตในประเทศไทยสามารถเติบโตและเป็นที่รู้จักจากบุคคลทั่วไปและผู้ประกอบการธุรกิจได้มากขึ้น นอกจากนี้จะทำให้รัฐบาลไทยได้มาซึ่งฐานข้อมูลรายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนานโยบายและผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
กรองทอง, กรองกมล, "ปัญหาการดำเนินโครงการใช้บัตรเดบิตแทนเงินสด ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ National e-Payment ของประเทศไทย และแนวทางในการแก้ปัญหา" (2017). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 6789.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/6789