Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาเชิงวิเคราะห์คำสอนพระยามังราย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
An analytical study of Kham Son Phraya Mang Rai
Year (A.D.)
1982
Document Type
Thesis
First Advisor
ธว้ช ปุณโณทก
Second Advisor
ประคอง นิมมานเหมินท์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ภาษาไทย
DOI
10.58837/CHULA.THE.1982.605
Abstract
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มุ่งศึกษา เรื่อง “คำสอนพระยามังราย" ซึ่งเป็นวรรณกรรมคำสอนของลานนาไทย ทั้งในด้านลักษณะคำประพันธ์ และเนื้อหา ซึ่งได้สะท้อนสภาพสังคมลานนาไทยโบราณและค่านิยมของสังคมลานนาไทย วิทยานิพนธ์แบ่งเป็น 5 บท บทแรกเป็นบทนำกล่าวถึง ความเป็นมาของปัญหา ความมุ่งหมายของการวิจัยและวิธีดำเนินการวิจัย บทที่ 2 กล่าวถึงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และสังคมลานนาไทยว่า ประวัติศาสตร์ของดินแดนลานนาไทยมีความเป็นมาอันยาวนาน เป็นที่ตั้งของรัฐอิสระหลายรัฐ แต่ละรัฐได้สร้างสมประเพณีและวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรือง จนกระทั่งถึงสมัยของพระยามังราย ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์มังรายแห่งลานนาไทย ได้รวบรวมรัฐน้อยใหญ่ให้เป็นปึกแผ่นเดียวกันดินแดนลานนาไทยจึงมีอาณาเขตกว้างขวางและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น กษัตริย์แห่งราชวงศ์มังรายได้ปกครองบ้านเมืองสืบต่อมาถึง 16 พระองค์ ดินแดนลานนาไทยก็ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าจนถึงปี 2317 สังคมลานนาไทยเป็นสังคมศักดินามีกษัตริย์และขุนนางเป็นผู้ปกครองรัฐ ผู้ถูกปกครองคือไพร่และทาส สังคมลานนาไทยเป็นสังคมเกษตรกรรมที่อาศัยการชลประทานแบบเหมืองฝาย ไพร่จะต้องถูกเกณฑ์แรงงานและเสียภาษีให้แก่รัฐในรูปของผลผลิตเกษตรกรรม เชื่อว่าสังคมลานนาไทยไม่มีระบบสังกัดมูลนายแบบอยุธยา ประเพณีและวัฒนธรรมของลานนาไทยได้รับอิทธิพลจากความเชื่อเรื่องภูตผีและพุทธศาสนา พุทธศาสนามีอิทธิพลต่อจิตใจของประชาชนอย่างมาก วัดเป็นศูนย์กลางของสังคม และพระสงฆ์เป็นผู้สั่งสอนจริยธรรมแก่ประชาชน บทที่ 3 เป็นการวิเคราะห์รูปแบบลักษณะคำประพันธ์ รูปแบบหรือวิธีการเนอเรื่องใน “คำสอนพระยามังราย" แปลกไปจากวรรณกรรมคำสอนเรื่องอื่น ๆ กล่าวคือ ส่วนแรกเป็นการนำเอา “คำปริศนา" หลาย ๆ วรรคมาร้อยเป็นร่าย และอธิบายความหมายปริศนาแต่ละวรรคด้วยร้อยแก้ว ซึ่งส่วนนี้แสดงถึงรูปแบบของวรรณกรรมลานนาไทยโบราณ ส่วนที่ 2 เป็นรายที่สามารถอ่านเข้าใจได้โดยไม่ต้องอธิบายความหมาย ลักษณะของร่ายในเรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกับร่ายใน “โองการแช่งน้ำ" ฉะนั้น “คำสอนพระยามังราย" น่าจะสืบทอดหรือคัดลอกมาจาก้นฉบับที่มีความเก่าแก่ราวสมัยราชวงศ์มังราย บทที่ 4 เป็นการวิเคราะห์เนื้อหา คำสอนในเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสอนคนทุกชนชั้นในสังคม แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ส่วนรกสอนกษัตริย์ และขุนนางเกี่ยวกับวิธีการปกครอง ซึ่งได้รับอิทธิพลอย่างมากจากหลักธรรมในพุทธศาสนา เช่นแนวคิดเรื่องธรรมดา ส่วนที่ 2 สอนไพร่ เน้นด้านการครองชีวิตในสังคม ซึ่งส่วนนี้ได้สะท้อนให้เห็นค่านิยมของสังคมลานนาไทยบางส่วนดังนี้ คือค่านิยมที่ยอกย่องผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ความเคารพผู้มีอาวุโส ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ญาติพี่น้อง วงศ์วาน และความยกย่องผู้มีปัญหา และบทที่ 5 เป็นบทสรุป
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ไตลังคะ, อิราวดี, "การศึกษาเชิงวิเคราะห์คำสอนพระยามังราย" (1982). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 61711.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/61711