Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ปัญหาการนำภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้ในประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Problems arising from the introduction of value-added tax into the Thai tax system

Year (A.D.)

1982

Document Type

Thesis

First Advisor

กาญจนา นิมมานเหมินห์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

นิติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1982.321

Abstract

จากแนวความคิดที่จะนำภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value-added tax) ซึ่งใช้จัดเก็บอยู่อย่างได้ผลดีในประเทศกลุ่มตลาดร่วมยุโรป (European Economic community) มาใช้แทนภาษีการค้าสำหรับประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาความซ้ำซ้อนของภาษีการค้า ความยุ่งยากอันเกิดจากการที่ภาษีการค้ามีหลายอัตรา และเพื่อให้การจัดเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้นผู้เขียนจึงมุ่งที่จะวิจัยว่า การนำภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้แทนภาษีการค้าจะเป็นการแก้ไขปัญหาและก่อให้เกิดผลดีตามความคาดหมายดังกล่าวนี้หรือไม่ ผลของการวิจัยพอสรุปได้ว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีการค้าของไทย มีหลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีที่เก็บในทุกขั้นตอนของการผลิตและการจำหน่ายโดยให้ผู้ประกอบการทุกทอดหักภาษีที่ชำระไว้ในทอดก่อนๆ ออกคงชำระเฉพาะภาษีจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละทอด ส่วนภาษีการค้าประเภทที่เก็บจากการซื้อขายสินค้า จัดเก็บเฉพาะจากผู้ที่ประกอบการค้าในฐานะผู้ผลิตเป็นส่วนใหญ่ โดยคำนวณภาษีจากยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ จากการศึกษาถึงลักษณะของภาษีทั้งสองประเภทนี้ทำให้เห็นได้ว่าการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการจัดเก็บภาษีจากทุกขั้นตอนของการผลิตและการจำหน่าย ฐานของภาษีจึงถูกเพิ่มขึ้นในทุกขั้นตอน ทำให้จำนวนภาษีมีมากกว่าภาษีที่ต้องชำระในกรณีภาษีการค้า ภาษีมูลค่าเพิ่มจึงมีความซ้ำซ้อนมากกว่าภาษีการค้า ส่วนกรณีจะนำภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้แก้ปัญหาความยุ่งยากอันเกิดจากการที่ภาษี การค้ามีหลายอัตรา ก็ปรากฏว่าแม้ภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีอัตราภาษีน้อยกว่าภาษีการค้า แต่ก็มีวิธีการคำนวณภาษีที่ยุ่งยากมากกว่า เพราะผู้เสียภาษีจะต้องคำนวณภาษีทั้งจากยอดซื้อและยอกขายสินค้าทุกชนิดในทุกทอดที่ทำการซื้อขาย ซึ่งเป็นข้อที่ยุ่งยากมากกว่ากรณีภาษีการค้านอกจากนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มยังเป็นภาษีที่ยากต่อความเข้าใจ และการปฏิบัติต้องอาศัยผู้เสียภาษีที่มีความรู้เพียงพอ จึงจะทำให้การปฏิบัติจัดเก็บได้ผลตามเป้าหมายอีกทั้งการปฏิบัติจัดเก็บก็ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญเป็นพิเศษและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นเพราะจำนวนผู้เสียภาษีที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายจากเหตุผลดังกล่าวนี้การนำภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้ในประเทศไทยจึงไม่เกิดผลดีแต่ประการใด และภาษีการค้าก็มีความเหมาะสมต่อสภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และความเจริญของประเทศแล้ว เพียงแต่มีข้อบกพร่องเล็กน้อยที่จะต้องทำการแก้ไขดังข้อเสนอแนะต่อไปนี้ 1. บัญญัติกฎหมายให้ภาษีการค้ามีลักษณะง่ายในการตีความ 2. ให้มีผู้เชี่ยวชาญในการกำหนดอัตราภาษีสำหรับกิจการค้าแต่ละประเภท 3. กำหนดให้มีระยะเวลาการตรวจสอบภาษีอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้เสียภาษีได้ทราบถึงข้อบกพร่องโดยเร็วและแก้ไขได้ทันท่วงที 4. ควรยกประโยชน์ให้ผู้เสียภาษีเมื่อกรมสรรพากรตอบข้อหารือผิดพลาดโดยให้ชำระภาษีในอัตราใหม่นับแต่วันที่ได้ทราบว่าการตอบข้อหารือผิดพลาด 5. ให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติจัดเก็บภาษีและผู้เสียภาษีเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้การปฏิบัติจัดเก็บและการชำระภาษีเป็นไปโดยถูกต้อง

Share

COinS