Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาพฤติกรรมการรับฟังวิทยุกระจายเสียง และความต้องการรายการวิทยุ เพื่อการศึกษานอกโรงเรียนของประชาชนในเขตเมืองและชนบท จังหวัดพิษณุโลก
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
The study of radio listening behaviors and demand for non formal educational radio programs of urban and rural population in Phitsanulok
Year (A.D.)
1982
Document Type
Thesis
First Advisor
จุมพล รอดคำดี
Second Advisor
วิเชียร เกตุสิงห์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การประชาสัมพันธ์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1982.301
Abstract
วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาพฤติกรรมการรับฟังวิทยุกระจายเสียงของประชาชนในเขตเมืองและเขตชนบท 2. เพื่อทราบความต้องการรายการวิทยุเพื่อการศึกษานอกโรงเรียนของประชาชนในเขตเมืองและเขตชนบท 3. เพื่อศึกษาความแตกต่างในด้านพฤติกรรมการรับฟังวิทยุกระจายเสียงของประชาชนในเขตเมืองและเขตชนบท 4. เพื่อศึกษาความแตกต่างในด้านความต้องการรายการวิทยุเพื่อศึกษานอกโรงเรียนของประชาชนในเขตเมืองและเขตชนบท วิธีดำเนินการวิจัย 1. ทำการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง ประชาชนในเขตเมือง จำนวน 200 ครัวเรือน ประชาชนในเขตชนบท จำนวน 200 ครัวเรือน รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 400 ครัวเรือน 2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เป็นแบบสอบถามชนิดปลายเปิด ประกอบด้วยคำถามเกี่ยวกับภูมิหลังของผู้ให้การสัมภาษณ์ พฤติกรรมการรับฟังวิทยุกระจายเสียง ความต้องการด้านเนื้อหา และรูปแบบวิธีเสนอรายการวิทยุเพื่อการศึกษานอกโรงเรียน 3. นำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ผลการวิจัย 1. ประชาชนในเขตเมืองส่วนใหญ่ เลือกฟังรายการโดยวิธีหมุนหาคลื่นไปเรื่อยๆ มีจุดมุ่งหมายในการฟังวิทยุเพื่อติดตามข่าวสาร รับฟังวิทยุระหว่างเวลา 06.00 – 09.00 น. และ 18.01 – 21.00 น. รับฟังวิทยุที่บ้านขณะที่ทำงานอื่นไปด้วย ชอบฟังเพลงไทยสากล ละครวิทยุ ข่าวการเมือง และการศึกษา 2. ประชาชนในเขตชนบทส่วนใหญ่ เลือกฟังรายการโดยวิธีหมุนหาคลื่นไปเรื่อยๆ มีจุดมุ่งหมายในการฟังวิทยุเพื่อความบันเทิง รับฟังวิทยุระหว่างเวลา 06.00 – 09.00 น. และ 16.01 – 18.00 น. รับฟังวิทยุที่บ้านขณะที่ทำงานอื่นไปด้วย ชอบฟังเพลงลูกทุ่ง ละครวิทยุ ข่าวท้องถิ่น และรายการส่งเสริมการเกษตร 3. ประชาชนในเขตเมืองส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายป้องกันตนเองและทรัพย์สิน การทำอาหารและขนม ความเคลื่อนไหวของราคาสินค้า การสหกรณ์ การใช้ยา หลักโภชนาการ การให้บริการของรัฐ ต้องการให้ออกรายการที่สนใจครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง ชอบผู้ดำเนินรายการที่เป็นเพศชาย วัยกลางคน พูดคุยเป็นกันเองกับผู้ฟัง พูดมีสาระและแทรกอารมณ์ขันบ้าง 4. ประชาชนในเขตชนบทส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายป้องกันตนเองและทรัพย์สิน การวางแผนการใช้จ่ายในครอบครัว ความเคลื่อนไหวของราคาสินค้า การหาเงินทุน การสหกรณ์ โภชนาการ การวางแผนครอบครัว การให้บริการของรัฐ ต้องการรับฟังรายการที่สนใจครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง ชอบผู้ดำเนินรายการที่เป็นเพศชาย วัยกลางคน พูดคุยแบบเป็นกันเองกับผู้ฟัง พูดมีสาระและแทรกอารมณ์ขันบ้าง ข้อเสนอแนะ 1. การจัดรายการวิทยุเพื่อการศึกษานอกโรงเรียนในท้องที่จังหวัดใด ควรศึกษาพฤติกรรมการรับฟังวิทยุกระจายเสียง ความสนใจ ความต้องการ และสภาพปัญหาของประชาชนแต่ละกลุ่มเป้าหมายเสียก่อน ทั้งนี้ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดเนื้อหา และรูปแบบวิธีเสนอรายการ ตลอดถึงช่วงเวลาของการออกอากาศให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มผู้ฟังเป้าหมายได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเน้นหนักกลุ่มเป้าหมายในชนบทซึ่งด้อยโอกาสทางการศึกษา 2. การจัดรายการวิทยุเพื่อการศึกษานอกโรงเรียนสำหรับประชาชนในเขตเมือง ควรออกอากาศในระบบ เอฟ.เอ็ม และ ระบบ เอ.เอ็ม สำหรับประชาชนในเขตชนบท ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับระบบของเครื่องรับวิทยุที่มีใช้อยู่ 3. การจัดรายการวิทยุเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนในเขตเมือง ควรออกอากาศในช่วงเวลา 06.00 – 09.00 น. และ 18.00 – 21.00 น. และสำหรับประชาชนในเขตชนบทระหว่างเวลา 06.00 – 09.00 น. และ 16.00 – 18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แต่ละกลุ่มรับฟังวิทยุมากที่สุด 4. รูปแบบวิธีเสนอรายการ ควรเสนอในลักษณะพูดคุยแบบเป็นกันเองกับผู้ฟังใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่าย ผู้ดำเนินรายการควรเป็นวัยเดียวกันกับกลุ่มผู้ฟังเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยให้การจัดรายการสอดคล้องกับความต้องการและรสนิยมของกลุ่มผู้ฟังเป้าหมายได้มากขึ้น 5. การจัดรายการวิทยุเพื่อการศึกษานอกโรงเรียน ควรมีทั้งรายการสั้นๆ ที่ใช้เวลา 5 – 10 นาที และรายการยาว ที่ใช้เวลา 30 – 60 นาที โดยการออกอากาศรายการสั้นๆ ทุกวัน เนื้อหานั้นอาจจะจบในตัวเอง หรือติดต่อกันเป็นชุด ส่วนรายการยาวนั้น ควรจัดสัปดาห์ละครั้ง หรือสองสัปดาห์ต่อครั้ง
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
โชติแก้ว, สมมิตร, "การศึกษาพฤติกรรมการรับฟังวิทยุกระจายเสียง และความต้องการรายการวิทยุ เพื่อการศึกษานอกโรงเรียนของประชาชนในเขตเมืองและชนบท จังหวัดพิษณุโลก" (1982). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 61439.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/61439