Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาปัญหาการจัดการของกลุ่มโรงงานทอกระสอบไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study of management problems of the Thai jute mills' group

Year (A.D.)

1980

Document Type

Thesis

First Advisor

สถาพร กวิตานนท์

Second Advisor

ศิริโสภาคย์ บูรพาเดชะ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บัญชี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1980.449

Abstract

การรวมกลุ่มของโรงงานอุตสาหกรรมที่มีอยู่น้อยราย เพื่อกำหนดราคาขายผลิตภัณฑ์ให้เป็นราคาเดียวกัน ตามปกติจะมีลักษณะเป็นการผูกขาดเพื่อประโยชน์ต่อฝ่ายผู้ผลิตโดยตรงแต่ฝ่ายเดียว แต่การรวมกลุ่มของอุตสาหกรรมกระสอบไทยเกิดขึ้นเนื่องจากกำลังการผลิตภายในประเทศสามารถผลิตได้เกินความต้องการใช้ในประเทศ และเหลือส่งออกขายต่างประเทศได้อีกมาก ราคาขายต่างประเทศต่ำกว่าต้นทุนการผลิตในประเทศ จึงเกิดการแข่งขันตัดราคากันจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิตโรงงานทุก ๆ โรงงานต่างขาดทุนและจะต้องปิดกิจการในโอกาสต่อไป หากดำเนินการภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลุ่มโรงงานจึงหาวิธีการป้องกันการแข่งขันตัดราคา โดยจัดตั้งบริษัทกลางขึ้นเพื่อทำการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แต่ผู้เดียว ในราคาที่กลุ่มโรงงานกำหนดภายใต้การควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทค้ากระสอบสยาม จำกัด เป็นผู้ขายและจัดสรรโควต้าการขายให้แก่แต่ละโรงงานตามโควต้าที่ไดตกลงกันไว้ กลุ่มโรงงานได้ร่วมกันกำหนดมาตรการ ข้อบังคับ บทลงโทษ เพื่อใช้ ปฏิบัติร่วมกันโดยมีนายตรวจและนักวิชาการของสมาคมอุตสาหกรรมทอกะสอบไทยเป็นผู้ตรวจสอบควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปตามมติของกลุ่มโรงงาน โดยกลุ่มโรงงานได้จัดตั้งสมาคมอุตสาหกรรมทอกระสอบไทยเพื่อดำเนินงานด้านส่งเสริมวิชาการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมกระสอบ โครงการส่งเสริมชาวไร่ปอให้ปลูกปอให้ได้ปริมาณและคุณภาพดี และยังมีการประกันราคาปอเพื่อส่งเสริมให้ชาวไร่ไม่หันไปผลิตพืชอื่น และชาวไร่ได้รายได้แน่นอน การร่วมมือรวมกลุ่มถือได้ว่าได้ผลมาระยะหนึ่ง โดยมีปัญหาบ้างแต่ก็ยังสมัครสมานกันอยู่ ต่อมาเมื่อมีการขยายโรงงานและตั้งโรงงานใหม่เพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มมากยิ่งขึ้นประกอบกับภาวะตลาดต่างประเทศไม่อำนวยให้ ทำให้เกิดปัญหาผลผลิตค้างสต็อกมาก ความขัดแย้งในส่วนแบ่งที่ได้รับจึงเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งเกิดการแตกแยกกันในที่สุด ในการศึกษาปัญหาการจัดการของกลุ่มโรงงานทอกระสอบไทย ได้ศึกษาจากเอกสารรายงานการประชุมของกลุ่มโรงงานของสมาคมอุตสาหกรรมทอกระสอบไทยและมติที่ประชุม บริษัทค้ากระสอบสยาม จำกัด ตลอดจนรายงานเฉพาะเรื่องและสรุปรายงานเอกสารโต้ตอบ รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทค้ากระสอบสยาม จำกัด และสมาคมอุตสาหกรรมทอกระสอบไทย สัมภาษณ์กรรมการผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของโรงงานต่าง ๆ 13 โรงงาน ในจำนวนทั้งหมด 14 โรงงาน จากการศึกษาทำให้ทราบว่า การรวมกลุ่มนั้นมิใช่จะรวมกันได้ง่าย ๆ ต้องอาศัยความสมัครสมานเต็มใจเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และเล็งเห็นผลระยะยาวพอสมควร มิฉะนั้นจะรวมกันได้ไม่นาน เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการรักษาผลประโยชน์ส่วนตน ถึงแม้จะมีมาตรการที่ดี เช่นมีนายตรวจ และนักวิชาการ ทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปควบคุมผลผลิต การขนส่งผลิตภัณฑ์ออกนอกโรงงานและผลิตภัณฑ์คงเหลือซึ่งช่วยให้มาตรการควบคุมได้ผล ควบคุมให้ทุกโรงงานปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลง แต่มาตรการลงโทษ ผู้ปฏิบัติผิดกติกานั้น ที่แล้วมาไม่ทำให้ผู้ฝ่าฝืนเกิดความเกรงกลัว ควรที่การรวมกลุ่มครั้งต่อไปจะได้มีการปรับปรุงแก้ไขในเรื่องนี้ให้ได้ผลจริงจัง โดยควรกำหนดให้มีอนุญาโตตุลากร หรือแต่งตั้งกรรมการขึ้นมาโดยเฉพาะกรณี โดยผู้กระทำผิดไม่มีส่วนร่วมตัดสิน เนื่องจากการรวมกลุ่มขายภายในประเทศเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้า และป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 แต่การรวมกลุ่มสำหรับจำหน่ายต่างประเทศ กฎหมายเปิดช่องทางให้ทำได้ และโดยที่ปริมาณการจำหน่ายต่างประเทศมีจำนวนเกินกว่าครึ่งของผลผลิตทั้งสิ้น ซึ่งการรวมกลุ่มจะเป็นประโยชน์ต่อโรงงานต่าง ๆ ตลอดจนต่อประเทศด้วย จึงน่าจะได้นำวิธีการรวมกลุ่มที่เคยทำแล้วในประเทศมาปรับใช้กับการรวมกลุ่มเพื่อขายต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมด้านเทคโนโลยี่การผลิต การลดต้นทุนและการรักษาคุณภาพและการส่งเสริมชาวไร่ปอด้วย ทางรัฐบาลควรควบคุมการขายหรือเพิ่มโรงงานโดนการสอดส่องของสมาคมอุตสาหกรรมทอกระสอบไทย และมีมาตรการที่จะปรับโทษ เพราะที่ผ่านมาการขยายหรือสร้างเพิ่ม ได้เกิดปัญหาต่อการรวมกลุ่มและต่อประเทศชาติในกรณีตลาดต่างประเทศไม่อำนวยให้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดูปริมาณความเหมาะสมของตลาดด้วย ถ้ารัฐบาลให้ความสนใจช่วยเหลือสนับสนุนการรวมกลุ่มเพื่อส่งออก อุตสาหกรรมนี้จะเป็นอุตสาหกรรมตัวอย่าง และจะยิ่งสามารถอยู่ต่อไปได้อีกนาน ในขณะที่ใยเทียมจากน้ำมันซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของผลิตภัณฑ์ปอนั้น มีปัญหาเพิ่มขึ้น นอกจากปัญหาราคาน้ำมันเพิ่มและขาดแคลนแล้ว ยังมีปัญหาต่อความเป็นอยู่ของชาวโลก คือไม่ละลายตามธรรมชาติ ใช้แล้วทำให้ท่อน้ำอุดตัน มีปัญหาต่อการกำจัดขยะ มีปฏิกิริยาทำให้เกิดพิษแก่ร่างกาย และในขณะนี้นักธุรกิจของโลกกำลังตื่นตัวกับเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม ในด้านมลภาวะ น่าจะเป็นโอกาสของผลิตภัณฑ์ปอที่จะเข้าไปแทนได้

Share

COinS