Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความรับผิดในการผลิตและการจำหน่ายสินค้า

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Products liability

Year (A.D.)

1981

Document Type

Thesis

First Advisor

สุษม พัฒนะศิริ

Second Advisor

จุฑา กุลบุศย์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

นิติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1981.300

Abstract

ในช่วงระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ประเทศต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญ และให้ความสนใจถึงงานคุ้มครองผู้บริโภคกันมาก เพราะการอุตสาหกรรม, การค้าได้ก่อให้เกิดอันตรายและความเสียหายแก่ผู้บริโภคอยู่เสมอมา ทั้งนี้เนื่องมาจากสินค้าขาดคุณภาพ ชำรุดบกพร่อง ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ปลอดภัย จำเป็นต้องมีมาตรการทางกฎหมายที่ได้ผล สามารถให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคได้ และความคุ้มครองนี้ย่อมรวมไปถึงการเยียวยาแก่ผู้บริโภคในความเสียหายที่เขาได้รับ เพื่อบรรเทาเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นแก่เขา กฎหมายที่มีบทบาทในเรื่องการเยียวยาความเสียหายของผู้บริโภคที่กล่าวนี้คือ กฎหมายความรับผิดในการผลิตและการจำหน่ายสินค้า กฎหมายความรับผิดในการผลิตและการจำหน่ายสินค้าในประเทศต่าง ๆ ได้อาศัยหลักกฎหมายแพ่งมาปรับเป็นส่วนใหญ่ ทั้งหลักความรับผิดในทางสัญญาและหลักความรับผิดในทางละเมิด ซึ่งเป็นหลักการทั่วไปบังคับในกรณีผิดสัญญาและกระทำละเมิดทุกเรื่อง มิได้มีความเหมาะสมในการเยียวยาแก่ผู้บริโภคโดยเฉพาะ อย่างเช่น กฎหมายซื้อขายก็เป็นบทบัญญัติทั่วไปที่ใช้บังคับความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน โดยสันนิษฐานว่าคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มีฐานะทางเศรษฐกิจและหลังการต่อรองเท่าเทียมกัน แต่ความเป็นจริงในกรณีระหว่างผู้ประกอบธุรกิจกับผู้บริโภคมิได้เป็นเช่นนั้น จึงเห็นได้ว่าหลักทั่วไปตามกฎหมายแพ่งอาจไม่เพียงพอที่จะให้การคุ้มครองเยียวยาผู้บริโภคได้ หลาย ๆ ประเทศจึงได้หามาตรการต่าง ๆ มาใช้เพื่อจะให้สามารถเยียวยาแก่ผู้บริโภคอย่างได้ผล นักกฎหมายทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและศาลต่างก็มีบทบาทในเรื่องนี้ ได้กำหนดหลักการต่าง ๆ โดยตราเป็นกฎหมาย และพิพากษาวางแนวบรรทัดฐานไว้ หลักการใหม่ ๆ ที่ได้รับการนำมาใช้ในการปรับปรุงกฎหมายความรับผิดในการผลิตและการจำหน่ายสินค้า คือ หลักการรับผิดเด็ดขาด และหลักกองทุนชดเชยความเสียหายเกี่ยวกับสินค้า เป็นต้น ประเทศไทยเองก็เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ กฎหมายที่นำมาใช้ให้การเยียวยาแก่ผู้บริโภคเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามหลักกฎหมายสัญญา หลักซื้อขาย และหลักละเมิด ซึ่งมีข้อบกพร่องหลายประการ ไม่เพียงพอที่จะให้การเยียวยาแก่ผู้บริโภคได้ แม้จะมีพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พระราชบัญญัติยา, อาหารต่าง ๆ บัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค แต่ก็มิได้คำนึงถึงการเยียวยาความเสียหายแก่ผู้บริโภคแต่อย่างใด กฎหมายซื้อขายนั้นมีข้อขัดข้องจากกฎความสัมพันธ์ตามสัญญา ไม่สามารถให้การเยียวยาแก่ผู้บริโภคใด ๆ ที่ไม่ใช่ผู้ซื้อสินค้าโดยตรงจากผู้ขาย และที่สำคัญคือ อนุญาตให้ผู้ขายยกเว้นความรับผิดในความชำรุดบกพร่องของสินค้าตามกฎหมายซื้อขายไว้ล่วงหน้าได้ ทำให้ผู้ซื้อไม่ได้รับการเยียวยาตามกฎหมาย โดยผู้ซื้อไม่รู้เท่าทันผู้ขาย หรือหลงเชื่อตกลงด้วย หรือไม่มีอำนาจต่อรองที่จะไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ผู้ขายกำหนดไว้ และยังมีปัญหาเกี่ยวกับความเสียหายที่จะให้เรียกร้องการเยียวยาชดเชยได้ตามกฎหมายสัญญา อาจไม่รวมถึงความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินใดที่นอกเหนือจากความเสียหายในตัวสินค้านั้นเอง สำหรับกฎหมายละเมิดแม้จะไม่กีดกันขัดขวางผู้บริโภคหรือบุคคลใด ๆ ที่ได้รับความเสียหาย ในการที่จะดำเนินคดีเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในความเสียหายที่เกิดจากสินค้า อนุญาตให้เรียกร้องได้ก็ตาม แต่ก็มีปัญหาและอุปสรรคเรื่องภาระการพิสูจน์ความผิดของจำเลย ทำได้ด้วยความลำบาก สิ้นเปลืองและบางครั้งไม่สามารถพิสูจน์ได้ ตัวผู้ผลิตผู้จำหน่ายเองก็สามารถยกเว้นความรับผิดไว้ล่วงหน้า หรืออ้างว่าผู้บริโภคที่เสียหายได้ให้ความยินยอมรับความเสี่ยงภัยจากสินค้าแล้ว เขาจึงไม่ต้องรับผิด หรืออ้างข้อต่อสู้ยกเว้นความรับผิดในบางประการที่ไม่สมควรให้อ้างต่อสู้ได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาในระบบการดำเนินคดีที่ไม่เอื้ออำนวยให้ผู้บริโภคได้รับการเยียวยาตามที่สมควรได้รับ ทั้งกฎหมายก็ขาดผลบังคับให้อย่างจริงจัง การให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายที่เขาจะได้รับยังทำไม่ได้ดี และประการที่สำคัญคือ การดำเนินคดีของผู้บริโภคมีผลแต่เพียงเฉพาะโจทก์ในคดีนั้นได้รับค่าเสียหายชดเชยแต่บางส่วน แต่ผลของคดีไม่มีผลห้ามปรามระงับยับยั้งการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายของผู้ประกอบธุรกิจที่เห็นแก่ตัว เขาสามารถไปก่อความเสียหายแก่ผู้บริโภคอื่น ๆ ต่อไปอีกได้ ดังนั้นเพื่อที่จะให้การคุ้มครองเยียวยาแก่ผู้บริโภคได้ผลอย่างแท้จริง ผู้เขียนจึงขอเสนอแนะให้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ขจัดอุปสรรคขัดข้องในการเยียวยาของกฎหมายสัญญากฎหมายละเมิดในประการต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุด สมควรจะต้องนำหลักเกณฑ์ความรับผิดเด็ดขาดในทางละเมิดมาใช้ในคดีความรับผิดในการผลิตและการจำหน่ายสินค้า โดยกำหนดความรับผิดเด็ดขาดในทางละเมิดของผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้สั่งเข้า ซึ่งสินค้า ที่ประกอบการค้าเป็นอาชีพ ต่อผู้บริโภคหรือบุคคลใด ๆ ในความเสียหายต่อร่างกายหรือต่อทรัพย์สินที่เกิดจากความชำรุดบกพร่องของสินค้าซึ่งไม่ได้มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยตามที่วิญญูชนคาดคิด ซึ่งการนำมาใช้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายอย่างมาก การดำเนินคดีเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากสินค้าย่อมจะง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องพิสูจน์ถึงความผิดของจำเลย และผู้เสียหายจะสามารถได้รับการเยียวยาในความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินอย่างทั่วถึง โดยไม่ติดขัดต่อหลักเกณฑ์ความสัมพันธ์ตามสัญญาด้วย นอกจากนี้ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข บทบังคับตามพระราชบัญญัติต่าง ๆ ให้มีผลเยียวยาแก่ผู้บริโภคได้ในทุกขั้นตอน รวมทั้งอาศัยมาตรการสนับสนุนทางด้านนโยบาย, การศึกษา, ศาลเพื่อคุ้มครองเยียวยาแก่ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแนวทางการปรับปรุงดังกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อสาธารณชนผู้บริโภคทั่วไป

Share

COinS