Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การสื่อสารทางการเมืองกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ในชุมชนชนบทไทย : ศึกษาเฉพาะกรณีบ้านวังคล้า อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Political communication and political participation of the Thai people in rural community : a case study of Ban Vang Kla, Amphoe Soeng Sang, Nakhon Ratchasima

Year (A.D.)

1981

Document Type

Thesis

First Advisor

พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

รัฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การปกครอง

DOI

10.58837/CHULA.THE.1981.399

Abstract

การวิจัยเรื่อง “การสื่อสารทางการเมืองกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในชุมชนชนบทไทย : ศึกษาเฉพาะกรณีบ้านวังคล้า อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา “ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงแบบแผนของการสื่อสารทางการเมืองในชนบทและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในชุมชนชนบท ตลอดจนศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารทางการเมืองกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยพิจารณาถึงความแตกต่างระหว่างระดับและลักษณะการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในชนบทที่ได้รับการถ่ายทอดข่าวสารในระดับและช่องทางที่ต่างกัน วิธีการวิจัยได้กระทำโดยการสำรวจภาคสนาม โดยศึกษาประชากรในบ้านวังคล้า อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 312 คน การเก็บรวบรวมข้อมูลกระทำโดยการใช้นักวิจัยออกทำการสัมภาษณ์ตามแบบสอบถามที่สร้างขึ้น วิธีการทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ คำนวณค่าร้อยละ การทดสอบ ไค-สแควร์ และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เฉพาะส่วน ผลการวิจัยพบว่า 1. ประชาชนในชุมชนชนบทโดยเฉลี่ยมีระดับการสื่อสารทางการเมืองและระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองค่อนข้างต่ำ 2. ประชาชนในชุมชนชนบทที่มีระดับการสื่อสารทางการเมืองสูงกว่า มีแนวโน้มที่จะเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองในระดับสูงกว่าประชาชนที่มีระดับการสื่อสารทางการเมืองต่ำกว่า 3. ในด้านการสื่อสารทางการเมือง ประชาชนในชุมชนชนบทส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากการเปิดรับสื่อมวลชนมากกว่าการสื่อสารระกว่างบุคคล 4. ประชาชนในชุมชนชนบทที่ได้รับข่าวสารทางการเมืองจากช่องทางการเปิดรับสื่อมวลชนจะเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองในระดับที่สูงกว่าผู้ที่ได้รับข่าวสารทางการเมืองจากช่องทางการสื่อสารระหว่างบุคคล 5. ในด้านการมีส่วนร่วมทางการเมือง ประชาชนในชุมชนชนบทเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยความสำนึกของตนเองและเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองแบบที่ไม่แน่นอนในอัตราที่ใกล้เคียงกัน ส่วนผู้ที่เข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองโดยการชักจูงระดมพลังจากผู้อื่นนั้นมีจำนวนน้อยกว่าสองประเภทแรก 6. ประชาชนในชุมชนชนบทที่ได้รับข่าวสารทางการเมืองจากช่องทางการเปิดรับสื่อมวลชนจะเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยความสำนึกของตนเองมากกว่าผู้ที่ได้รับข่าวสารทางการเมืองจากช่องทางการสื่อสารระหว่างบุคคล และในทางตรงกันข้าม ประชาชนที่ได้รับข่าวสารทางการเมืองจากช่องทางการสื่อสารระหว่างบุคคลมีแนวโน้มที่จะเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองในลักษณะของการชักจูงระดมพลังมากกว่าผู้ที่ได้รับข่าวสารทางการเมืองจากการเปิดรับสื่อมวลชน

Share

COinS