Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิเคราะห์ทางการเงินของอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A financial analysis of tyre industry in Thailand

Year (A.D.)

1981

Document Type

Thesis

First Advisor

วิรัช อภิเมธีธำรง

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การธนาคารและการเงิน

DOI

10.58837/CHULA.THE.1981.315

Abstract

วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาถึงการวิเคราะห์ทางการเงินของอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทย โดยอาศัยงบการเงินซึ่งได้มาจากข้อมูลของทางราชการคือ กรมทะเบียนการค้ากระทรวงพาณิชย์ ในช่วงระหว่างปี 2519 – 2522 มาศึกษาถึงฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน แหล่งที่มาและใช้ไปของเงินทุนของแต่ละบริษัทและทั้งอุตสาหกรรม รวมทั้งการศึกษาถึงโครงสร้างโดยทั่วไปและบทบาทของรัฐบาลที่มีต่ออุตสาหกรรมนี้ เช่น ความเป็นมาของอุตสาหกรรมการผลิต การตลาด ฯลฯ เป็นต้น จากการศึกษาทำให้ทราบว่า อุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่และยังเป็นการทดแทนการนำเข้าและเพื่อการส่งออกอีกด้วย ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ต้องสั่งซื้อมาจากต่างประเทศแล้วนำมาผลิตเป็นสินค้าขึ้น อุตสาหกรรมนี้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลในช่วงระยะเวลาหนึ่งในอดีต จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2515 ซึ่งมีเพียง 4 บริษัทเท่านั้นที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และได้หยุดกิจการไป 1 บริษัทในปี 2520 ส่วนผู้ผลิตที่ก่อตั้งขึ้นภายหลังไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลอีก บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจะได้รับความชวยเหลือและปกป้องอุตสาหกรรมจากรัฐบาลโดยการที่รัฐบาลเรียกเก็บภาษีอากรสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้าและภาษีการค้าในอัตราที่ต่ำ และได้มีการตั้งกำแพงภาษีสำหรับการนำยางรถยนต์จากต่างประเทศเข้ามาอีกด้วย อันเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจำกัดการแข่งขันของยางรถยนต์จากต่างประเทศอีกด้วย แต่กำแพงภาษียังคงไม่สูงเพียงพอ จึงยังคงมียางรถยนต์จากต่างประเทศเข้ามาแย่งตลาดในประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลควรจะส่งเสริมให้มีการผลิตวัตถุดิบที่สำคัญต่อการผลิตที่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศให้มีการผลิตขึ้นเองในประเทศ อันเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมนี้ลงได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเข้าแข่งขันกับต่างประเทศได้ เพราะว่ามีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ทั้งยังเป็นการช่วยให้ประหยัดเงินตราต่างประเทศในการที่ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศและช่วยลดดุลการค้าที่ขาดดุลอยู่ให้ลดน้อยลงได้อีกด้วย ทางด้านฐานะการเงินนั้น ได้ใช้วิธีวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของแต่ละบริษัทในอุตสาหกรรมนี้แล้วนำมาเปรียบเทียบกันในแต่ละบริษัทและเปรียบเทียบกับของอุตสาหกรรมว่าเป็นอย่างไร ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น โดยแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ วิเคราะห์สภาพคล่อง สภาพเสี่ยง ความสามารถในการหากำไร และสมรรถภาพในการดำเนินงาน ผลจากการวิเคราะห์ปรากฏว่า ทางด้านสภาพคล่องบริษัทไทยบริดจสโตน จำกัด ดีที่สุด รองลงมาได้แก่บริษัท ยางไฟร์สโตน(ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ทางด้านสภาพเสี่ยง บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด มีสภาพเสี่ยงต่ำสุด รองลงมาแก่ บริษัท ยางไฟร์สโตน(ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทกู๊ดเยียร์(ประเทศไทย) จำกัด ทางด้านความสามารถในการหากำไร บริษัท ยางไฟร์สโตน (ประเทศไทย) จำกัดดีที่สุด รองลงมาได้แก่ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และบริษัท กู๊ดเยียร์(ประเทศไทย) จำกัด และทางด้านสมรรถาพในการดำเนินงาน บริษัท ยางไฟร์สโตน(ประเทศไทย) จำกัด ดีที่สุด รองลงมาได้แก่ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และบริษัท กู๊ดเยียร์(ประเทศไทย) จำกัด เมื่อนำมาพิจารณารวมๆกันแล้ว จะพบว่า อัตราส่วนถัวเฉลี่ยของอุตสาหกรรมทางด้านการเงินนั้น กล่าวได้ว่าเป็นที่น่าพอใจไม่ว่าจะพิจารณาทางด้านใดจึงสามารถดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วยังได้มีการวิเคราะห์ถึงแนวโน้มทางการเงินบางอัตราส่วนที่สำคัญของแต่ละบริษัทและของอุตสาหกรรม เพื่อให้เห็นการเคลื่อนไหวทางการเงินของแต่ละบริษัทและของอุตสาหกรรมเมื่อเปรียบเทียบกัน ในช่วงระหว่างปี 2519 – 2522 อีกด้วย ทางด้านการบริหารเงินทุนนั้น ทำการศึกษาโดยวิเคราะห์จากโครงสร้างของเงินทุนและงบแสดงแหล่งที่มาและใช้ไปของเงินทุนของแต่ละบริษัทและของทั้งอุตสาหกรรม ปรากฏว่า โครงสร้างเงินทุนของบริษัท ยางไฟร์สโตน(ประเทศไทย) จำกัด ส่วนใหญ่มาจากส่วนของเจ้าของเฉลี่ยแล้วประมาณ 57 % และเป็นส่วนของหนี้สิ้นระยะสั้นประมาณ 43% หนี้สินระยะสั้นส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้การค้าและค่าใช้จ่ายค้างจ่าย โครงสร้างเงินทุนของบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด ส่วนใหญ่มาจากส่วนของเจ้าของเช่นกัน ซึ่งมีจำนวนมากถึงประมาณ 80% และส่วนของหนี้สินประมาณ 20% เป็นหนี้สินระยะสั้นเกือบทั้งหมด ยกเว้นปี 2519 และปี 2520 มีหนี้สินระยะยาวในการผ่อนชำระหนี้เครื่องจักรฯประมาณปีละ 1.5% สำหรับหนี้สินระยะสั้นนั้นส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้การค้า ตั๋วเงินจ่ายและภาษีเงินได้ค้างจ่าย ส่วนบริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด นั้น มีเงินทุนส่วนใหญ่มาจากหนี้สินเฉลี่ยแล้วประมาณ 63% ซึ่งเป็นหนี้สินระยะสั้นทั้งหมดและส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืมและเงินเบิกเกินบัญชีธนาคารและเงินกู้ยืมจากบริษัทในเครือ สำหรับโครงสร้างของเงินทุนของอุตสาหกรรมนั้น ส่วนใหญ่เป็นเงินทุนส่วนของเจ้าของเฉลี่ยแล้วประมาณ 62% และเป็นส่วนของหนี้สินระยะสั้นเกือบทั้งหมดเฉลี่ยแล้วประมาณ 38% สำหรับวิธีการจัดหาเงินทุนนั้นพบว่า อุตสาหกรรมยังมีวิธีการจัดหาและใช้ไปของเงินทุนไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ดี กล่าวคือ ในช่วงปี 2520 และปี 2521 นั้น อุตสาหกรรมฯ ได้มีการนำเงินทุนจากแหล่งระยะยาวไปลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน ทำให้อุตสาหกรรมมีสภาพคล่องสูง มีความเสี่ยงน้อย แต่ผลตอบแทนที่ได้รับย่อมต่ำด้วย เพราะว่าเงินทุนจากแหล่งระยะยาวมีต้นทุนที่สูงและการลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนให้รายได้ไม่มากนักอีกด้วย ส่วนในช่วงปี 2522 นั้น อุตสาหกรรมมีการนำเงินทุนจกแหล่งระยะสั้นไปลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ทำให้อุตสาหกรรมอาจประสบปัญหาในเรื่องสภาพคล่องได้ และมีความเสี่ยงในการที่จะต้องชำระหนี้คืนให้ทันภายในกำหนดระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้เพราะว่าอุตสาหกรรมอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนสินทรัพย์ถาวรให้เป็นเงินสดได้ทันก็ได้ อย่างไรก็ตามเราจะพบว่า อัตราผลตอบแทนของอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง แต่ก็ยังเป็นอัตราที่น่าพอใจ ทั้งนี้เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ราคาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้เท่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะว่าเป็นสินค้าควบคุมชนิดหนึ่งนอกจากนี้ยังพบว่าได้มีการเตรียมพร้อมที่จะผลิตเพิ่มสำหรับความต้องการในอนาคตไว้ด้วยแล้ว โดยที่ปัจจุบันได้มีการใช้กำลังการผลิตอย่างเกือบเต็มกำลังอยู่แล้ว เมื่อรวมกำลังการผลิตทั้งบริษัทเล็กๆที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเข้ามาด้วยกันแล้ว จะมีปริมาณการผลิตรวมใกล้เคียงกับปริมาณความต้องการของตลาดอย่างมาก ถ้าดูจากแนวโน้มของรถยนต์ที่จดทะเบียน (รูปที่ 11 )จะพบว่า รถยนต์บรรทุกและรถอื่น ๆ ที่มิใช่รถยนต์นั่ง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตลอดช่วงที่ทำการวิเคราะห์ ซึ่งผู้ผลิตควรให้ความสนใจยางรถยนต์ประเภทบรรทุกและอื่น ๆ ที่มิใช่รถยนต์นั่งให้มากขึ้น แต่ถ้าหากไม่สามารถหาตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น ก็ไม่ควรที่จะลงทุนตั้งโรงงานผลิตยางฯขึ้นใหม่

Share

COinS