Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การใช้มาตรฐานทางสถิติวัดระดับความยากจนของครัวเรือนในประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The use of statistical standard to measure poverty among households in Thailand

Year (A.D.)

1980

Document Type

Thesis

First Advisor

โสภา โรจน์นครินทร์

Second Advisor

มัลลิกา บุนนาค

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สถิติการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1980.251

Abstract

การศึกษาวิจัยเรื่อง “การใช้มาตรฐานทางสถิติวัดระดับความยากจนของครัวเรือนในประเทศไทย" เป็นการวิจัยเชิงปริมาณเพื่อศึกษาหาระดับความยากจนของครัวเรือนในประเทศไทย โดยแจกแจงตามเขตภูมิศาสตร์เป็น 4 ภาคและ 1 เขต คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) ภาคใต้และเขตกรุงเทพมหานคร (รวมนนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) ในแต่ละภาคจะแจกแจงตามเขตการปกครอง (ประเภทของชุมชน) ออกเป็น 3 เขต คือ ในเขตเทศบาล ในเขตสุขาภิบาล และนอกเขตเทศบาล และในแต่ละเขตการปกครองจะจัดกลุ่มครัวเรือนออกเป็น 3 กลุ่ม ตามขนาดของครัวเรือน (จำนวนสมาชิกของครัวเรือน) ดังนี้คือ กลุ่มที่ 1 ประกอบด้วยครัวเรือนที่มีจำนวนสมาชิกตั้งแต่ 1-3 คน กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วยครัวเรือนที่มีจำนวนสมาชิกตั้งแต่ 4-6 คน และกลุ่มที่ 3 ประกอบด้วยครัวเรือนที่มีจำนวนสมาชิกตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป การวิจัยเริ่มต้นด้วยการศึกษาถึงความสัมพันธ์ (relationship) ระหว่างค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคต่อครัวเรือน กับรายได้ตามปกติต่อเดือนของครัวเรือน ในแต่ละเขตการปกครองและในแต่ละกลุ่มครัวเรือน โดยนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์และระเบียบวิธีทางสถิติมาประยุกต์ใช้กับข้อมูล ซึ่งเป็นข้อมูลระดับครัวเรือนซึ่งมีจำนวนครัวเรือนตัวอย่างทั้งหมด 11,512 ครัวเรือน แจกแจงตามภาค เขตการปกครอง และกลุ่มครัวเรือน ดังแสดงในตารางที่ 3.1 จากข้อมูลในแต่ละเขตปกครองและกลุ่มครัวเรือน ได้นำมาวิเคราะห์หาสมการความถดถอย (regression equation) ด้วยวิธีกำลังสองน้อยที่สุด (ordinary least square) โดยมีแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (mathematical model) 2 แบบ คือ linear form และ double-logarithmic form เพื่อหาแบบจำลองที่เหมาะสมสำหรับสมการความถดถอย (regression equation) ที่แสดงการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของครัวเรือนในแต่ละเขตการปกครองและกลุ่มครัวเรือนว่าอยู่ในรูปแบบใด ผลการศึกษาสรุปได้ว่าแบบจำลอง (model) ที่เหมาะสมสำหรับสมการความถดถอย (regression equation) ที่แสดงการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคในแต่ละเขตการปกครองและกลุ่มครัวเรือน คือ double-logarithmic form ยกเว้นบางกลุ่มครัวเรือนซึ่งมีเป็นส่วนน้อยที่ linear form เหมาะสมกว่า ในการศึกษาหาระดับความยากจน (poverty line) ครั้งนี้ ถือว่าแบบจำลอง (model) ที่เหมาะสมสำหรับทุกเขตการปกครองและกลุ่มครัวเรือน คือ double-logarithmic form จากการคำนวณหาค่าประมาณของสัมประสิทธิ์ความถดถอยในแต่ละสมการความถดถอยแบบ double-logarithmic form สามารถนำมาใช้ในการคำนวณหาค่าระดับความยากจนได้นั่นคือหา จุดเสมอตัว (break even point) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดให้เห็นระดับที่รายได้ตามปกติของครัวเรือนมีความเพียงพอกับค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของครัวเรือน ซึ่งได้แสดงไว้ในตารางที่ 3.8.1 ถึงตารางที่ 3.8.5 เมื่อคำนวณค่า “ระดับความยากจน" ในแต่ละเขตการปกครองและกลุ่มครัวเรือนซึ่งมีประมาณร้อยละ 68.14 ของจำนวนครัวเรือนทั่วประเทศที่ยากจนได้แล้ว ได้ทำการประมาณหาอันตรภาคความเชื่อมั่นของระดับความยากจน (confidence interval of poverty line) ซึ่งได้แสดงไว้ในตารางที่ 3.9.1 – 3.9.5 เพื่อเป็นประโยชน์แก่รัฐบาล จะได้เกิดความคล่องตัวและทราบระดับของความเชื่อมั่น (confidence level) ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่จะทำการช่วยเหลือครัวเรือนที่ยากจน โดยสามารถใช้เป็นแนวทางในการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ การสาธารณูปโภค และอื่นๆ เพื่อเป็นการยกระดับการครองชีพของประชากรให้ดีขึ้น

Share

COinS