Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การจัดการด้านการเงินของบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Financial management of life assurance companies in Thailand

Year (A.D.)

1982

Document Type

Thesis

First Advisor

จิตราภา หิมะทองคำ

Second Advisor

ศิรินันท์ ธนิตยวงศ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การบัญชี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1982.370

Abstract

การประกันชีวิตเป็นธุรกิจหนึ่งที่มีบทบาทมากในสังคม เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งที่มาจากเงินทุนระยะยาวในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ยังเป็นสถาบันที่ให้ความคุ้มครองแก่ประชาชน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นแก่ครอบครัว เมื่อหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิตหรือในยามที่เกิดทุพพลภาพโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังช่วยปลูกฝังให้เกิดความรัก และความรู้สึกรับผิดชอบต่อครอบครัว ฉะนั้นการปลูกฝังทัศนคติที่ดีของคนไทยต่อธุรกิจประกันชีวิตจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ดังนั้นวิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมีเจตนาที่จะศึกษาถึงลักษณะการดำเนินงานและการจัดการด้านการเงินของอุตสาหกรรมการประกันชีวิต ตลอดจนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อรัฐบาลในการควบคุมและส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงและเจริญก้าวหน้าในธุรกิจนี้ และการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินของบริษัทประกันชีวิตโดยศึกษาถึงบริษัทประกันชีวิตที่ดำเนินกิจการและจดทะเบียนในประเทศทั้งหมด 11 บริษัท แยกเป็นบริษัทประกันชีวิตจดทะเบียนในประเทศ 9 บริษัท บริษัทประกันชีวิตสาขาต่างประเทศ 2 บริษัท นอกจากนี้ศึกษาถึงแห่งที่มาและใช้ไปของเงินทุนและการควบคุมการลงทุนของรัฐบาลภายใต้กฎกระทรวงต่างๆ ประวัติของการประกันชีวิตในประเทศไทย เริ่มมีการควบคุมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2472 และ พ.ศ. 2473 มีบริษัทปรกันภัยต่างประเทศได้รับอนุญาตให้ดำเนินการประกันชีวิตในประเทศไทยถึง 5 บริษัท และต่อมาเมื่อเกิดสงคราม บริษัทประกันชีวิตต่างประเทศทั้ง 5 แห่ง ได้หยุดประกอบการประกันชีวิตในประเทศไทย จึงเป็นโอกาสให้คนไทยริเริ่มทำการประกันชีวิตขึ้นครั้งแรก พ.ศ. 2485 มี 2 บริษัท คือบริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด และบริษัทไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด สำหรับทุนจดทะเบียนเริ่มแรกไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ปัจจุบันนี้กำหนดให้บริษัทประกันชีวิตที่จะตั้งขึ้นใหม่จะต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้แสดงว่ารัฐบาลได้พยายามควบคุมธุรกิจประกันชีวิตมิให้มีมากขึ้น โดยไม่มีทุนสำรองไว้ เพื่อความมั่นคงของกิจการประกันชีวิต ซึ่งมีความรับผิดชอบต่อผู้เอาประกัน จึงกำหนดทุนจดทะเบียนไว้สูงดังกล่าว ในการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินของธุรกิจประกันชีวิต ปรากฏว่าอุตสาหกรรมประกันชีวิตมีการดำรงสภาพคล่องในอัตราค่อนข้างสูง กล่าวคือโดยเฉลี่ยปี พ.ศ. 2518-2522 เท่ากับ 3.29 โดยมีบริษัทประกันชีวิตในประเทศดำรงสภาพคล่องสูงกว่าบริษัทประกันชีวิตสาขาต่างประเทศเล็กน้อย ทางด้านนโยบายการจัดหาเงินทุนอุตสาหกรรมนี้มีนโยบายการใช้เงินทุนจากหนี้สินสูงมาก โดยเฉลี่ยปี พ.ศ. 2518-2522 เท่ากับ 96 เปอร์เซ็นต์โดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศดำเนินนโยบายการใช้เงินทุนจากหนี้สินสูงกว่าบริษัทประกันชีวิตสาขาต่างประเทศ กล่าวคือในประเทศเท่ากับ 98 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่สาขาต่างประเทศ เท่ากับ 89 เปอร์เซ็นต์ ส่วนทางด้านอัตราการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ พบว่าบริษัทประกันชีวิตในประเทศดำรงสินทรัพย์ประจำไว้ในอัตราสูงกว่าบริษัทประกันชีวิตสาขาต่างประเทศ เช่นมีนโยบายการลงทุนสูงในอาคารที่ทำการ เป็นต้น ดังนั้นบริษัทประกันชีวิตในประเทศจึงมีการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ประจำยังไม่เต็มที่เท่ากับบริษัทประกันชีวิตสาขาต่างประเทศ ส่วนทางด้านประสิทธิภาพในการหากำไร บริษัทประกันชีวิตสาขาต่างประเทศสามารถหาผลตอบแทนได้ในอัตราที่สูงกว่าบริษัทประกันชีวิตในประเทศ จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ของที่มาและการใช้เงินทุน ปรากฏว่าบริษัทประกันชีวิตมีแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่ได้จากเงินสำรอง ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนระยะยาว โดยใช้ไปในการลงทุนระยะยาวเป็นส่วนใหญ่และเหมาะสมตามนโยบายการเงินที่ดี กล่าวคือการนำเงินทุนจากแหล่งเงินทุนระยะยาวเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ประจำ และสินทรัพย์ระยะยาวตลอดจนการนำเงินทุนจากแหล่งเงินทุนระยะสั้นเพื่อลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนเป็นต้น ซึ่งอุตสาหกรรมประกันชีวิตโดยส่วนรวมมีการจัดหาเงินทุน และการใช้เงินทุนซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ดี สำหรับทางด้านกฎกระทรวงเกี่ยวกับการลงทุนของรัฐในปัจจุบันมีข้อกำหนดบางอย่างซึ่งก่อให้เกิดความยุ่งยากในทางปฏิบัติ ดังนั้นจำเป็นจะต้องมีการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและเอื้ออำนวยต่อการลงทุนอีกด้วย กล่าวคือ ในการปรับปรุงแก้ไขหรือออกกฎเกณฑ์ใหม่ๆ ควรจะให้ส่วนราชการในหน่วยงานนี้ คือ สำนักงานประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ ร่วมพิจารณาปัญหาปัญหากับบริษัทประกันชีวิต เพื่อจะได้เห็นถึงปัญหาต่างๆ กว้างขวางขึ้น อีกทั้งช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าสืบต่อไป

Share

COinS