Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การตลาดเพื่อการส่งออกผลผลิตประมงของไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Export marketing for fishery products of Thailand

Year (A.D.)

1982

Document Type

Thesis

First Advisor

สุรัชนา วิวัฒนชาติ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การบัญชี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1982.362

Abstract

ในบรรดาสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย ผลิตผลประมงได้เริ่มทวีความสำคัญ โดยมีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับการส่งออกของโลกแล้ว ประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.40 ในปี 2509 เป็นร้อยละ 2.6 ในปี 2521 ปริมาณการผลิตสัตว์น้ำโดยส่วนรวมแล้วมีปริมาณที่สูงขึ้นทุกปี โดยปริมาณจับสัตว์น้ำเค็มได้เพิ่มสูงขึ้นถึงกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณสัตว์น้ำทั้งหมดประมาณ 2 ล้านกว่าตันนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 เป็นมา ทั้งนี้เป็นผลเนื่องมาจากการปรับปรุงเทคโนโลยีการประมงแบบใหม่ กุ้งทะเลซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่มีมูลค่าส่งออกสูงกว่าสัตว์น้ำประเภทอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มการจับเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับปลาหมึกแม้ว่าจะไม่มากนัก ในขณะที่ผลผลิตจำพวกปลาสำหรับบริโภคมีแนวโน้มที่ลดลง และปลาเป็ดซึ่งนำไปแปรรูปเป็นปุ๋ยหรือปลาป่นได้มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ส่วนการบริโภคภายในประเทศไม่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกเนื่องจากการบริโภคภายในประเทศขึ้นอยู่กับผลผลิตเป็นสำคัญ ถ้าหากผลผลิตมีมากการบริโภคจะเพิ่มขึ้น ถ้ามีน้อยหรือมีอุปสงค์ทางด้านการส่งออกมากประชาชนจะลดการบริโภคลงหรือหันไปบริโภคสัตว์อื่นแทน จากการศึกษาพบว่าความต้องการผลผลิตประมงของตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ในอัตราร้อยละ 4.15 ต่อปี โดยมีตลาดรับซื้อสำคัญที่ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป ผลผลิตประมงที่สำคัญเป็นที่ต้องการของตลาดโลกยังคงเป็นสินค้าสัตว์น้ำแช่เย็น ส่วนผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำบรรจุกระป๋องมีแนวโน้มของความต้องการเพิ่มขึ้น สำหรับผลิตผลประมงของไทยส่วนใหญ่ส่งไปยังตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และประชาคมเศรษฐกิจยุโรป โดยผลผลิตประมงที่สำคัญคือ กู้แช่เย็น ส่งออกประมาณร้อยละ 32 ของปริมาณผลผลิตประมงที่ส่งออกทั้งหมดและผลผลิตประมงอื่น ๆ ที่เริ่มมีความสำคัญในการส่งออกเพิ่มขึ้นได้แก่ ปลาหมึก เนื้อปลา และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง การแข่งขันในตลาดญี่ปุ่นได้พบว่าไทยต้องเผชิญกับคู่แข่งขันที่มีข้อได้เปรียบทางด้านผลผลิตและต้นทุนการผลิตได้แก่ ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย และประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีนโยบายสนับสนุนการค้าต่างประเทศอย่างมาก ส่วนตลาดปลาในสหรัฐอเมริกามีความผูกพันทางการประมงร่วมกับแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ส่งเข้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับกุ้งมีแนวโน้มที่สหรัฐจะหันมาหาผู้ผลิตทางด้าน เอเชียมากขึ้น เนื่องจากแหล่งผลิตจากละตินอเมริกาเริ่มลดน้อยลง และสำหรับประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ผลผลิตประมงของไทยสามารถที่จะแข่งขันกับต่างประเทศได้เป็นอย่างดีเนื่องจากผลิตภัณฑ์ของยุโรปมีราคาสูงกว่าของพ่อค้าส่งออกของไทย นอกจากนี้ ในตลาดสหรัฐอเมริกาและตลาดยุโรป ประเทศไทยยังสามารถที่จะเพิ่มชนิดของผลิตผลประมงอื่น นอกเหนือจากกุ้ง ปลา ปลาหมึกสดแช่เย็น ได้แก่ ปูทะเล หอย ปลาทูน่าแช่เย็น ปลาชนิดต่าง ๆ บรรจุกระป๋องได้อีกด้วย เมื่อพิจารณาถึงปัญหาและอุปสรรคในการส่งออก พบว่ามีสาเหตุหลายประการที่เกี่ยวข้องทั้งทางด้านปริมาณการผลิต ซึ่งในระยะยาวจะต้องประสบปัญหาการขาดแคลนสัตว์น้ำ เนื่องจากการจับมากเกินไปและการประกาศเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหาทางด้านมาตรฐานคุณภาพสินค้าซึ่งไม่ตรงตามมาตรฐานคุณภาพสินค้าที่ต่างประเทศต้องการ ปัญหาการดำเนินการค้าของผู้ส่งออก และปัญหาการส่งเสริมจากรัฐบาลในปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อการส่งออกผลผลิตประมงของไทย ข้อเสนอแนะ การส่งออกผลิตผลประมงไทยจะสามารถขยายให้มากขึ้นและแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยรัฐบาลจะต้องดำเนินการส่งเสริมการเพิ่มผลผลิต การลดต้นทุนการผลิตเพิ่มมาตรการการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และเพิ่มบทบาททางด้านการสนับสนุนผลผลิตประมงไทยให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศให้มากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลควรอย่างยิ่งที่จะจัดสร้างท่าเรือน้ำลึกเพื่อรับกับนโยบายการส่งออกของประเทศอีกด้วย ส่วนผู้ส่งออกก็ควรจะได้มีการรวมกลุ่มให้เป็นทางการ เพื่อสร้างเสถียรภาพของการประกอบการค้านี้ และป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากต่างชาติด้วย

Share

COinS