Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

พัฒนาการของหลักสูตรวิชาพื้นฐานทั่วไปของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Development of gerneral education curriculum of Thammasat University

Year (A.D.)

1981

Document Type

Thesis

First Advisor

ปทีป เมธาคุณวุฒิ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

อุดมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1981.277

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบพัฒนาการของหลักสูตรวิชาพื้นฐานทั่วไปของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในอดีตถึงปัจจุบัน และเปรียบเทียบหลักสูตรวิชาพื้นฐานทั่วไปของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในอดีตกับสถานภาพและปัญหาของหลักสูตรวิชาพื้นฐานทั่วไปของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปัจจุบัน วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยใช้วิธีการวิจัยประวัติศาสตร์ (Historical Research) และการวิจัยเชิงบรรยาย (Descriptive Research) โดยเน้นที่วิธีวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ ขั้นตอนของการวิจัยใช้การศึกษาเอกสาร สัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 13 คน ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง(Specified Sampling) ออกแบบสอบถามอาจารย์ผู้สอนและนักศึกษาผู้เรียนในปัจจุบัน จำนวนอาจารย์ 40 คน นักศึกษา 100 คน ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ (Systematic Random Sampling) เครื่องมือวิจัยมี 3 แบบ คือ การรวบรวมเอกสารโดยใช้เกณฑ์ภายนอกและเกณฑ์ภายในพิจารณา แบบสัมภาษณ์แบบUnstructured Interview และแบบสอบถามใช้มาตราส่วนแบบประเมินค่า (Likert scale) แบ่งเป็น 5 ระดับ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้เป็นเอกสาร 6 ประเภท ข้อความในเทปบันทึกเสียงความยาวคิดเป็น 13 ชั่วโมง และแบบสอบถาม 140 ฉบับ การวิเคราะห์ข้อมูลเอกสาร สัมภาษณ์และการวิเคราะห์เปรียบเทียบ ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) การวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าร้อยละและการจัดลำดับความสำคัญ ผลการวิจัย หลักสูตรวิชาพื้นฐานทั่วไปของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการเปลี่ยนแปลง 5 ระยะ ด้วยกันคือ พ.ศ. 2505, พ.ศ.2507,พ.ศ.2514,พ.ศ.2519 และ พ.ศ.2520 พัฒนาการของหลักสูตรเป็นไปในทางก้าวหน้ามากขึ้นในด้าน จุดมุ่งหมายเนื้อหาวิชาและการบริหารหลักสูตร แต่การเรียนการสอนมีแนวโน้มของพัฒนาการในทางกลับกัน ดังนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงหลักสูตร หลักสูตรมีพัฒนาการจากหลักสูตรแกน (Core Curriculum) ไปเป็นหลักสูตรกระจายสัดส่วนรายวิชา (distribution Requirements Curriculum) 2. จุดมุ่งหมาย ในด้านของพัฒนาการ หลักการของจุดมุ่งหมายคงเดิม มีเปลี่ยนแปลงบ้างเฉพาะในรายละเอียด แนวโน้มของจุดมุ่งหมายเน้นที่วิธีการศึกษาหาความรู้มากกว่าตัวเนื้อหาวิชา เมื่อเปรียบเทียบจุดมุ่งหมายของหลักสูตรในอดีตกับปัจจุบัน ตามความคิดเห็นของอาจารย์และนักศึกษาแล้วพบว่าตรงกันคือ เพื่อสร้างเสริมให้นักศึกษามีความคิด และสติปัญญากว้างขวาง และเพื่อให้มีความรอบรู้เข้าใจเรื่องราวและปัญหาของสังคม 3. เนื้อหาวิชา แบ่งเป็น 4 หมวดวิชา คือ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ และภาษา รายวิชาใน 3 หมวดวิชาแรกเป็นรายวิชาสหวิทยาการเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาวิชาเน้นที่ความรู้ความเข้าใจ ขาดการเน้นทางด้านทัศนคติอย่างชัดเจน หมวดวิชาภาษาเป็นรายวิชาเบื้องต้น เนื้อหาวิชาเน้นที่ทักษะในด้านต่าง ๆ จำนวนรายวิชามรพัฒนาการในด้านเพิ่มขึ้น และมีวิชาให้เลือกเรียนมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบลักษณะเนื้อหาวิชาในอดีตกับปัจจุบันตามความคิดเห็นของอาจารย์และนักศึกษาพบว่าตรงกัน คือ เป็นความรู้กว้าง ๆ และเป็นเนื้อหาเบื้องต้น 4. การบริหารหลักสูตร มีพัฒนาการจากการบริหารโดยคณะศิลปะศาสตร์มาเป็นการบริหารโดยคณะกรรมการ และพัฒนาไปจนเป็นการบริหารโดยหน่วยงานอิสระในปี พ.ศ. 2519 แล้วย้อนกลับมาเป็นการบริหารโดยคณะกรรมการตั้งแต่ พ.ศ. 2520 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบการบริหารหลักสูตรในอดีตกับปัจจุบันตามความคิดเห็นของอาจารย์และนักศึกษาพบว่า ส่วนที่ตรงกันคือ มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญของวิชาพื้นฐานทั่วไปมาก อาจารย์ได้รับบริการด้านอาคารสถานที่มาก และจำนวนวิชาเลือกควรมีมากขึ้น ส่วนที่ต่างกันคือ การจัดพิมพ์เอกสารและตำรากับอุปกรณ์การสอนในอดีตอาจารย์ได้รับบริการมาก แต่ในปัจจุบันได้รับปานกลาง ในอดีตจัดสอนวิชาพื้นฐานทั่วไปในชั้นปีที่ 1 และ 2 แต่ในปัจจุบันควรจัดสอนในชั้นปีที่ 1 5. การเรียนการสอน พัฒนาการของวิธีการสอนเริ่มจากการบรรยายกลุ่มใหญ่และการอภิปรายกลุ่มย่อย มาเป็นการสอนที่มีการบรรยายกลุ่มใหญ่มากขึ้น วิธีการประเมินผลพัฒนาการจากระบบคะแนนมาเป็นระบบเกรด ปัญหาการเรียนการสอนมีในด้านผู้เรียนมีจำนวนมาก บางวิชาเนื้อหาวิชามากและซ้ำซ้อน ผู้เรียนขาดทัศนคติที่ดีในการเรียน การเปรียบเทียบการเรียนการสอนในอดีตกับปัจจุบันตามความคิดเห็นของอาจารย์และนักศึกษา พบว่าตรงกันในด้านวิธีการสอน ปัญหาของการเรียนการสอน ส่วนที่แตกต่างคือ ในอดีตผู้สอนพิจารณาจากผลการทำงานตลอดภาค การทดสอบระหว่างภาคและผลการสอบปลายภาครวมกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันผู้สอนพิจารณาจากผลการทดสอบระหว่างภาคและผลการสอบปลายภาครวมกันเท่านั้นเป็นส่วนมาก และในอดีตนักศึกษาส่วนมากไม่เห็นความสำคัญและไม่ต้องการเรียนวิชาพื้นฐานทั่วไป แต่ในปัจจุบันเห็นความสำคัญและต้องการเรียนปานกลาง ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยเสนอแนะให้จัดประเมินหลักสูตรวิชาพื้นฐานทั่วไปเพื่อปรับปรุง โดยเฉพาะด้านการเรียนการสอน รวมทั้งเสนอแนะรูปแบบหลักสูตรกระจายสัดส่วนรายวิชาโดยกำหนดขั้นต่ำให้ พร้อมทั้งมีวิชาเลือกให้มากขึ้น การบริหารหลักสูตรควรจัดในรูปของหน่วยงานอิสระ การวิจัยที่ควรจัดทำต่อไปคือ การวิจัยเชิงประเมินด้านการเรียนการสอนวิชาพื้นฐานทั่วไปในสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ

Share

COinS