Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
วิวัฒนาการและบทบาทธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย (พ.ศ. 2431-2488)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Developmentnand roles of commercial banks in Thailand
Year (A.D.)
1981
Document Type
Thesis
First Advisor
ธิติมา พิทักษ์ไพรวัน
Second Advisor
ไกรยุทธ ธีรตยาคีนันท์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ประวัติศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1981.551
Abstract
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาวิวัฒนาการและบทบาทของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ระหว่าง พ.ศ. 2431 -2488 คือ นับตั้งแต่การก่อตั้งธนาคารพาณิชย์ธนาคารแรกในประเทศไทย ได้แก่ธนาคารฮ่องกงแอนด์เซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น ในเดือนธันวาคม พ. ศ. 2431 จนถึงการประกาศใช้พระราชบัญญัติธนาคารพาณิชย์ พุทธศักราช 2488 เพื่อศึกษาถึงความเป็นมาและความเปลี่ยนแปลงตลอดจนอิทธิพลที่มีต่อธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน ในแง่ของ รูปแบบ โครงสร้างการดำเนินงาน และความสำคัญที่มีต่อเศรษฐกิจในส่วนรวมของประเทศ ผลการศึกษาพบว่า การธนาคารพาณิชย์ของไทยเกิดขึ้นเพื่อให้บริการทางการเงินแก่ธุรกิจการค้า ซึ่งเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วนับแต่ประเทศไทย ทำสนธิสัญญาบาวริ่งใน พ.ศ. 2399 เป็นต้นมา ธนาคารพาณิชย์ไทยรับเอารูปแบบและระบบการดำเนินงานจากธนาคารพาณิชย์อังกฤษที่ใช้ในดินแดนอาณานิคม คือเป็นระบบธนาคารสาขาและให้การสนับสนุนการค้าต่างประเทศ นอกจากนั้นยังรับเอาระบบคอมปราโดร์มาดำเนินงานด้วย การดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ของผู้ประกอบการ ซึ่งจะต้องทำตามครรลองของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่รัฐบาลวางไว้เพื่อควบคุมการดำเนินงานของธนาคารรัฐบาลให้การสนับสนุนธนาคารพาณิชย์ตั้งแต่ต้น แต่กฎหมาย หน่วยงาน และบุคลากรที่มีหน้าที่ควบคุมธนาคารพาณิชย์ไม่มีประสิทธิภาพพอ จึงได้มีการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงแก้ไขโดยการออกกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ มักเป็นมาตรการที่ตั้งขึ้นภายหลังจากที่ได้มีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว จากการศึกษาเกี่ยวกับการควบคุมธนาคารพาณิชย์ พบว่า รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะพิทักษ์ผลประโยชน์ของสาธารณชน และควบคุมให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินงานให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสังคมมากยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ คือ คหบดีชาวไทย จีน ขุนนาง ข้าราชการ ซึ่งมีฐานะเป็นปึกแผ่น จากการสะสมทุนทางการค้าทั้งภายในและนอกประเทศ ผู้ประกอบการจึงมักมีกิจการค้าประเภทอื่น ๆ ดำเนินควบคู่ไปกับกิจการธนาคาร เป็นผลให้การให้กู้ยืมมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง นอกจากนั้นผู้ประกอบการมักมีความสัมพันธ์ต่อกันทางด้านการค้า เครือญาติ และสมาคม ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มผลประโยชน์ ธนาคารพาณิชย์ของไทยจึงผูกขาดอยู่กับบุคคลเพียงบางกลุ่มที่มีอิทธิพลและกุมสายใยการดำเนินธุรกิจการค้าของประเทศ ธนาคารพาณิชย์ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวค่อย ๆ เจริญเติบโตค่อยเป็นค่อยไปแต่มั่นคง เห็นได้จากจำนวนสาขา ปริมาณเงินฝาก และเงินให้กู้ยืมที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาโดยเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศแล้ว ปริมาณเงินฝากดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก และเงินฝากส่วนใหญ่ยังรวมตัวอยู่เฉพาะในกรุงเทพ ฯ และจังหวัดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้น การให้กู้ยืมก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน คือจำกัดวงอยู่ในจังหวัดใหญ่ ๆ และเฉพาะสาขาเศรษฐกิจ ธนาคารพาณิชย์ในระหว่างระยะเวลาที่ทำการศึกษา นอกจากจะเป็นสถาบันแหล่งกลางในการระดมเงินออมและกระจายเงินทุน และให้บริการทางด้านการเงินแล้วยังมีบทบาทสอดคล้องกับพัฒนาการทางด้านการเงินของประเทศ คือ การออกธนาคารบัตรในระยะที่การผลิตธนบัตรของประเทศยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น การเป็นตัวกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการสร้างเงินเครดิต นอกจากนั้นธนาคารพาณิชย์ยังเป็นสถาบันทางการเงินที่จำเป็นยิ่งสำหรับการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะการค้าข้าว ซึ่งเป็นสินค้าออกที่สำคัญและมีมูลค่าสูงที่สุด การดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์จึงเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจการค้าโดยส่วนรวม ยิ่งไปกว่านั้นการสนับสนุนรับบาลให้กู้ยืมเงินภายนอกราชอาณาจักร เพื่อการพัฒนาประเทศในระหว่าง พ. ศ. 2444 – 2447 โดยการสร้างทางรถไฟ และการชลประทาน มีผลกระทบต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศที่สำคัญในระดับหนึ่ง
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
รัตนโกมล, รัตนาวดี, "วิวัฒนาการและบทบาทธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย (พ.ศ. 2431-2488)" (1981). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 54067.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/54067