Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การกำหนดดุลยภาพอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไทย : ศึกษาในเชิงทางการเงิน
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Equilibrium exchange rate determination in Thailand : a monetary approach
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
ชวนชัย อัชนันท์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
เศรษฐศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.19
Abstract
นับตั้งแต่เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการเงินระหว่างประเทศในช่วงทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา ประเทศต่างๆ เริ่มใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวทำให้ค่าของ เงินในระบบการเงินระหว่างประเทศมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นนักเศรษฐศาสตร์การเงินระหว่างประเทศจึงได้พยายามศึกษาวิธีในการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่ได้ดุลยภาพเพี่อ เป็นแนวทางในการกำหนดค่าเงินของตนกับต่างประ เทศไม่ว่าจะใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนประ เภทใดก็ตาม โดยมีแนวความคิดในการกำหนดแบบจำลองค่าของเงินที่แตกต่างกัน สามารถแบ่งแนวทางการศึกษาออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ การศึกษาตามแนวความคิดด้าน Traditional Flow Model ด้าน Monetary Model และด้าน Portfolio Balance Model สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาขนาดเล็กที่พึ่งพาการพัฒนาจากต่างประ เทศค่อนข้างมากทั้งในด้านสินค้าทุนและเงินทุนจากต่างประ เทศ ดังพิจารณาได้จากปริมาณมูลค่าการค้ากับต่างประเทศเทียบกับมูลค่าผลิตภัณฑ์ประชาชาติ (GDP) อยู่ในอัตราส่วนค่อนข้างสูง ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนไม่ว่าจะเป็นการกำหนดค่าเงิน หรือการเลือกดำเนินนโยบายระบบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นแบบใดก็ตาม ย่อมมีผลกระทบต่อการทำธุรกรรมกับต่างประ เทศ ซึ่งมีผลเชื่อมโยงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างสำคัญ และก็ได้มีการ เปลี่ยนแปลงค่าอัตราแลกเปลี่ยนอยู่เป็นระยะให้สอดคล้องกับสภาพที่ควรจะเป็นเพี่อรักษาสถานะภาพในด้านดุลการค้าและดุลการชำระเงินระหว่างประเทศไว้ ดังนั้นปัญหาจึงอยู่ที่ว่าจะเลือกกำหนดค่า เงินบาทเป็นเท่าใด ซึ่งในการศึกษานี้จะได้ศึกษาถึงค่าของ เงินบาทที่ได้ดุลยภาพในรูปของค่าเงินบาทต่อ 1 หน่วยสกุลเงินตราต่างประเทศของกลุ่มประเทศที่มูลค่าการค้ากับประเทศมากเป็น 10 อันดับแรก โดยใช้วิธีการคำนวณแบบค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักนำเข้า (Import Weight) ซึ่งจะให้ค่าของอัตราแลก เปลี่ยนเฉลี่ย (Effective Exchange Rate) ที่ใกล้เคียงกับค่าที่คำนวณจากการถ่วงน้ำหนักแบบ MERM Weight ซึ่งเป็นวิธีการคำนวณที่ยุ่งยาก เพราะได้คำนึงถึงปัจจัยด้านต่างๆ ที่สำคัญกับการทำธุรกรรมกับต่างประเทศมากขึ้น โดยจะนำผลการคำนวณดังกล่าวไปเชื่อมโยงกับแบบจำลองการกำหนดค่า เงินตามแนวความคิดทางการเงินที่มีพื้นฐานมาจากหลักการเปรียบเทียบอำนาจกำลังซื้อระหว่างประเทศ (Purchasing Power Parity) และหลักการปริมาณเงินซึ่งในที่สุดจะได้แบบจำลองกำหนดค่าดุลยภาพอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศ ที่สัมพันธ์กับตัวแปรปริมาณเงิน รายได้ที่แท้จริง อัตราคอกเบี้ย เปรียบเทียบแบ่งการศึกษาดังกล่าวออกเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงปี 2516 - 2522 และ 2513 - 2525 เพราะในแต่ละช่วงมีเหตุการณ์แตกต่างกัน ผลการศึกษาสรุปได้ว่าในช่วงระยะเวลาการศึกษาทั้ง 2 ช่วง การเปลี่ยนแปลงของค่า เงินบาทมีความสัมพันธ์ปฏิภาคกลับกับปริมาณเงิน สำหรับรายได้ที่แท้จริงและอัตราคอกเบี้ยมีปฏิภาคโดยตรงกับค่าเงินกล่าวคือ - ผลจากปริมาณเงินถ้าปริมาณเงินของประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าของ ต่างประเทศ ทำให้ค่าเงินบาทลดลง เพราะการที่ปริมาณเงินของประเทศเพิ่มขึ้นในขณะที่ระบบ เศรษฐกิจมีการจ้างงานเต็มที่หรือภาคการผลิตไม่สามารถเพิ่มผลผลิตตอบสนองได้ทันแล้ว จะทำให้ระดับราคาในประเทศมีแนวโน้มสูงกว่าต่างประเทศผลักดันให้มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ มากขึ้น เกิดการขาดดุลการค้าและกระทบต่อฐานะดุลการชำระเงินระหว่างประ เทศ ทำให้ต้องลดค่าเงินลง - ผลจากรายได้ที่แท้จริงที่เพิ่มขึ้นนั้น ก็คือการมีปริมาณสินค้ามากขึ้นทำให้ระดับราคาสินค้าในประเทศมีแนวโน้มลดลงโดยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ สินค้าที่เหลือเกินความต้องการภายในสามารถส่งออกขายต่างประเทศได้เงินตราต่างประ เทศมามากขึ้นซึ่งทำให้ค่าเงินบาทสูงขึ้น - ผลจากอัตราดอกเบี้ย การที่อัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยสูงกว่าต่างประเทศ ย่อมมีเงินทุนจากต่างประ เทศไหลเข้าในประเทศมากขึ้นมีปริมาณเงินตราต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าของเงินบาทสูงขึ้น ซึ่งให้ผลแตกต่างจากสมมุติฐานเบื้องต้น แต่อย่างไรก็ดี แบบจำลองนี้เป็นระยะสั้น ซึ่งผลดังกล่าวสอดคล้องกับสภาพความจริงมากกว่า นอกจากนี้ยังได้ศึกษาถึงแนวโน้มของค่าเงินบาทตามแบบจำลองที่กำหนดขึ้นโดยการทดลองแทนค่า (Simulation) ตัวแปรในแบบจำลองเพื่อเปรียบเทียบผลต่างระหว่างอัตราแลก เปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริงกับค่าอัตราแลกเปลี่ยนตามแบบจำลองซึ่งได้ผลว่าค่าเงินบาทของไทยในช่วงปี 2526 - 2527 มีค่าสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้เพราะนโยบายการกำหนดค่าเงินบาทอิงกับค่า เงิน เหรียญดอลลาร์ ซึ่งในช่วงนี้ค่าเงินเหรียญดอลลาร์ในตลาดโลก มีแนวโน้มสูงขึ้นมากจึงดึงค่า เงินบาทให้สูงขึ้นไปด้วย เมื่อเทียบกับกลุ่มต่างประ เทศอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วงต้นปี 2527 ความแตกต่างยิ่งสูงขึ้นไปอีกจนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการกำหนดค่าเงินบาทด้วยการเลิกอิงค่าเงินบาทกับ เงินเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ มาอิงกับกลุ่มเงินตราของประเทศคู่ค้าสำคัญ และลดค่าเงินบาทลงเป็น 27 บาท เท่ากับ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ จึงทำให้ค่าเงินบาทที่เกิดขึ้นจริงมีค่าใกล้เคียงกับค่าเงินบาทตามแบบจำลองที่กำหนดขึ้น คาดว่าแบบจำลองนี้คงจะ เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายค่าของเงินบาทหรือพิจาณาแนวโน้มค่าของเงินบาทในระยะสั้น อย่างไรก็ดีการจะนำไปใช้นั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายในแต่ละประเภทงาน เช่น เป้าหมายในการกำหนดปริมาณเงิน อัตราคอกเบี้ย ซึ่งจะมีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ส่วนความถูกต้องอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการประมาณข้อมูลที่ใกล้เคียงซึ่งคาดว่าจะมีประโยชน์ในการพิจารณาโยบายระยะสั้น
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สิทธิผลกุล, วันชัย, "การกำหนดดุลยภาพอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไทย : ศึกษาในเชิงทางการเงิน" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53891.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53891