Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

อิทธิพลของผู้นำหมู่บ้านที่มีต่อการพัฒนาสาธารณสุขขั้นมูลฐาน : การศึกษาเปรียบเทียบบทบาทผู้นำในสามหมู่บ้านของจังหวัดบุรีรัมย์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The influences of village leaders on the development of primary health care : A comparative study of leadership roles in three buriram's villages

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

เสริน ปุณณะหิตานนท์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

สังคมวิทยามหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.558

Abstract

การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทผู้นำหมู่บ้านในการพัฒนางานสาธารณสุขมูลฐาน โดยมีจุดรวมความสนใจอยู่ที่บุคลิกภาพและพฤติกรรมของผู้นำซึ่งคาดว่าความแตกต่างในเรื่องต่างๆ นี้เป็นสิ่งที่ทำให้การพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานก้าวหน้าไปได้ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งตัวแปรเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้นำที่เห็นว่ามีบทบาทสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขมูลฐานได้แก่ความทันสมัย พฤติกรรมการติดต่อสื่อสาร และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ตลอดจนการยอมรับนับถือของชาวบ้านที่มีต่อผู้นำในหมู่บ้านของตน ในการศึกษาครั้งนี้ได้สร้างดัชนีวัดความต้องการขั้นพื้นฐานและมาตรฐานความเป็นอยู่ขั้นต่ำของหมู่บ้าน ซึ่งจะใช้ผลของการวัดเป็นเครื่องมือจัดระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานของหมู่บ้านออกเป็น 3 ระดับ คือ หมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาสูง (ระดับ 3) หมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาปานกลาง (ระดับ 2) หมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาต่ำ (ระดับ 1) และในขั้นตอนต่อมาได้คัดเลือกหมู่บ้านในเขตอำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์มา 3 แห่ง โดยแต่ละแห่งอยู่คนละตำบล หมู่บ้านทั้งสามแห่งนี้มีระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานต่างกันเป็น 3 ระดับ ตามนัยดังกล่าวข้างต้น แต่ก็มีระยะทางใกล้ตัวอำเภอพอๆ กัน นอกจากนั้นยังได้เลือกหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานอยู่ในขั้นสูง (ระดับ 3) มาอีก 1 แห่ง เพื่อให้ทำหน้าที่คล้ายๆ กับกลุ่มควบคุมในการทดลองหมู่บ้านแห่งที่ 4 นี้อยู่ห่างจากตัวอำเภอมากกว่า 3 หมู่บ้านที่กล่าวแล้วข้างต้น จุดมุ่งหมายในการมี “หมู่บ้านควบคุมนี้" ก็เพื่อที่จะวิเคราะห์ดูว่านอกจากตัวแปรในเรื่องคุณสมบัติของผู้นำหมู่บ้านแล้ว ยังมีตัวแปรอื่นที่มีส่วนช่วยอธิบายความสำเร็จในการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานอยู่ด้วยหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามจุดประสงค์ดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยได้เลือกกลุ่มตัวอย่างซึ่งประกอบไปด้วยผู้นำหมู่บ้าน 77 คน และชาวบ้าน 253 คน สำหรับผู้นำหมู่บ้านนั้นเลือกจากบุคคลผู้ซึ่งชาวบ้านระบุว่ามีบทบาทต่างๆ ที่สำคัญในการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานของหมู่บ้าน ส่วนชาวบ้านนั้นเลือกมาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างตามชั้น (Stratified random sampling) ผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลดังกล่าวโดยใช้วิธีสัมภาษณ์ประกอบแบบสอบถามสำหรับชาวบ้าน 1 ชุด และสำหรับผู้นำอีก 1 ชุด ผลการวิจัยพบว่า 1. ผู้นำในหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานสูงมีความทันสมัยมากกว่าผู้นำในหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานต่ำกว่า เฉพาะแต่ในกรณีหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาต่างกันมากเท่ากัน คือ หมู่บ้านระดับ 3 กับระดับ 1 และ “หมู่บ้านควบคุม" (ระดับ 3) กับหมู่บ้านระดับ 1 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานข้อ 1 2. ผู้นำในหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานสูงมีพฤติกรรมการติดต่อสื่อสารมากกว่าผู้นำในหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานต่ำกว่า เฉพาะแต่ในหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาต่างกันมากที่สุดเท่านั้น คือหมู่บ้านระดับ 3 กับหมู่บ้านระดับ 1 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานข้อ 1 3. ผู้นำในหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานสูงมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงกว่าผู้นำในหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานต่ำกว่าในแทบทุกหมู่บ้านที่อยู่ในข่ายของการเปรียบเทียบ ยกเว้นผู้นำ “หมู่บ้านควบคุม" กับผู้นำหมู่บ้านระดับ 2 และผู้นำหมู่บ้านควบคุมกับผู้นำหมู่บ้านระดับ 1 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานข้อ 1 4. ผู้นำในหมู่บ้านที่มีระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานต่างกัน ได้รับการยอมรับนับถือจากชาวบ้านไม่แตกต่างกัน ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมุติฐานข้อ 1 5. ความแตกต่างกันในระดับของการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐาน ไม่ได้เกิดจากความแตกต่างขององค์ประกอบทางประชากรของผู้นำหมู่บ้านที่อยู่ในข่ายของการเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานข้อ 2 6. ความสัมพันธ์ระหว่างความทันสมัย พฤติกรรมการติดต่อสื่อสาร และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้นำนั้น เมื่อพิจารณาในทุกหมู่บ้านรวมกันแล้วปรากฏว่าผู้นำมีความทันสมัย พฤติกรรมการติดต่อสื่อสาร และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่สอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 7. แต่เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างความทันสมัย พฤติกรรมการติดต่อสื่อสาร และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้นำในแต่ละหมู่บ้านแล้ว ปรากฏว่า 7.1 ผู้นำในหมู่บ้านระดับ 3 มีความทันสมัย พฤติกรรมการติดต่อสื่อสาร และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่สอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานข้อ 3 7.2 ผู้นำในหมู่บ้านระดับ 2 มีความทันสมัย พฤติกรรมการติดต่อสื่อสาร และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ไม่สอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานข้อ 3 ที่ตั้งไว้ 7.3 ผู้นำในหมู่บ้านระดับ 1 มีความทันสมัย สอดคล้องกันกับพฤติกรรมการติดต่อสื่อสาร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่สอดคล้องกันกับพฤติกรรมการติดต่อสื่อสารอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เช่นเดียวกัน แต่มีความทันสมัยกับพฤติกรรมการติดต่อสื่อสารที่ไม่สอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมุติฐานข้อที่ 3 ที่ตั้งไว้ 7.4 ผู้นำหมู่บ้านควบคุม มีความทันสมัยที่สอดคล้องกันกับพฤติกรรมการติดต่อสื่อสารอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่มีความทันสมัยที่ไม่สอดคล้องกันกับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่นัยสำคัญทางสถิติระดับ .05 และมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่ไม่สอดคล้องกันกับพฤติกรรมการติดต่อสื่อสารที่นัยสำคัญทางสถิติระดับ .05 เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมุติฐานข้อที่ 3 ที่ตั้งไว้ โดยสรุปแล้วปรากฏว่า ผลการวิจัยเป็นไปอย่างที่คาดคิดไว้ กล่าวคือคุณสมบัติและพฤติกรรมของผู้นำเป็นตัวอธิบายความแตกต่างกันในระดับการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานของแต่ละหมู่บ้านได้

Share

COinS