Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

หน้าที่ของมัสยิดต่อสังคมมุสลิมในภาคกลาง

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Function for mosque for Muslim community in central Thailand

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

อารง สุทธาศาสน์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

สังคมวิทยามหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.556

Abstract

การศึกษาวิจัยเรื่อง "หน้าที่ของมัสยิดต่อสังคมมุสลิมในภาคกลาง" เป็นการศึกษาเพื่อคำตอบว่า ในปัจจุบันมัสยิดยังคงทำหน้าที่ด้านศาสนา การศึกษา สังคม เศรษฐกิจและการเมือง เหมือนรูปแบบในสมัยของท่านศาสดามุฮำมัด( ค็อลฯ) หรือไม่ และชาวไทยมุสลิมมีความคาดหวังต้องการให้มัสยิดทำหน้าที่ในด้านใดในอนาคต การวิจัยนี้เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ การสังเกต และการเข้าไปมีส่วนร่วมโดยใช้มัสยิดในภาคกลางทั้งในเมืองและชนบทจำนวน 10 แห่ง เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวนประชากร 320 คน ในการนี้ผู้ศึกษาได้ออกแบบสอบถาม 2 ชุด คือสำหรับอิหม่ามและสัปบุรุษ ทั้งนี้ได้ใช้รูปแบบและเนื้อหาสาระหน้าที่ของมัสยิดในด้านต่างๆ จากสมัยของท่านศาสดามุฮำมัด( ค็อลฯ) เป็นหลักใหญ่ ประกอบกับหน้าที่ที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทยมุสลิม ผลการศึกษาสรุปได้ว่า ประการที่ 1 มัสยิดในเมืองกับชนบททำหน้าที่ด้านศาสนา การศึกษา สังคม เศรษฐกิจและการเมือง ไม่แตกต่างกันในด้านเนื้อหา ส่วนในด้านปริมาณ มีความแตกต่างกันเพียงด้านเศรษฐกิจด้านเดียวเท่านั้น กล่าวคือ มัสยิดในชนบททำหน้าที่มากกว่ามัสยิดในเมืองทั้งนี้เพราะจากกลุ่มตัวอย่าง มัสยิดในชนบทส่วนใหญ่คงดำเนินงานเรื่องบัยตุ้ลมาล คือการเก็บรวบรวมและแจกจ่างซะกาตประจำปี รวมทั้งซะกาตฟิตเราะห์ ตลอดจนใช้เป็นที่ปรึกษาหารือในเรื่องการประกอบอาชีพ ประการที่ 2 เมื่อหน้าที่ของมัสยิดด้านต่างๆ ทั้งทางเนื้อหาและปริมาณ ไม่มีความแตกต่างกัน ฉะนั้น ระดับความรู้ทางศาสนา ทางสามัญ ฐานะทางเศรษฐกิจ และวัยของอิหม่ามจึงไม่มีความสัมพันธ์กับหน้าที่ด้านต่างๆ ดังกล่าว และประการที่ 3 ความคาดหวังให้มัสยิดทำหน้าที่ ด้านต่างๆ ในอนาคตมีความสัมพันธ์กับเขตเมืองและชนบทระดับการศึกษาทางสามัญ ความเคร่งครัดศาสนา วัยและอาชีพ แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับเพศ ระดับความรู้ทางศาสนาและฐานะทางเศรษฐกิจ ส่วนสาระที่ชาวไทยมุสลิมทั้งในเมืองและชนบทคาดหวังต้องการให้มัสยิดทำมากที่สุด 2 ประการแรก เรียงตามลำดับคือ 1 ให้มีการสอนกุรุอานและศาสนาแก่เยาวชนเป็นประจำ 2 ให้มีการละหมาด 5 เวลารวมกันที่มัสยิด ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า หน้าที่ที่สำคัญของมัสยิดส่วนใหญ่ยังคงรูปแบบมัสยิดในสมัยท่านศาสดามุฮำมัด( ค็อลฯ) ยกเว้นด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงขอเสนอแนะให้มัสยิดในเมืองทำหน้าที่ด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งบัยตุ้ลมาลมาพิจารณาปฏิบัติอย่างจริงจัง เพราะแท้จริง ทั้งระบอบเศรษฐกิจที่มีการกระจายตัวอย่างทั่วถึง และการให้การศึกษาที่ดีและถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเยาวชน ต่างก็เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ และท้ายสุดการไปร่วมละหมาดพร้อมกันที่มัสยิด ย่อมก่อให้เกิดผลดีติดตามมานานัปการ

Share

COinS