Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวางผังแม่บทมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Master plan of Thammasat University (Rung-Sit Campus)

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

ประทีป มาลากุล, ม.ล.

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

สถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สถาปัตยกรรม

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.538

Abstract

แนวความคิดในการวางผังแม่บทมหาวิทยาลัยได้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตลอดมา เพื่อความประหยัดและมีประสิทธิภาพในการใช้สอยสูงที่สุดจากการที่การวางผังแบบ Molecular และ Cluster ของมหาวิทยาลัยในแบบดั้งเดิม ก่อให้เกิดปัญหาความหนาแน่น ระยะทางไกลในการติดต่อและปัญหาความไม่สะดวกอื่น ๆ เป็นอย่างมาก มหาวิทยาลัยในยุคหลังๆ นี้ที่มีการวางผังในแบบ Linear เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าว นับว่าเป็นผลดีในด้านการสัญจร เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ในการออกแบบผังแม่บทของมหาวิทยาลัยในระบบนี้ ก็จะต้องมีการจำกัดขนาดของมหาวิทยาลัยให้มีขนาดที่เหมาะสม ถ้ามีขนาดที่ใหญ่จนเกินไป ก็จะยังทำให้เกิดปัญหาระยะทางในการติดต่อขึ้นได้ จำนวนนักศึกษาเต็มโครงการ และระบบการบริหารการศึกษาของมหาวิทยาลัย จะกำหนดขนาด ขอบเขตการวางผังและระยะเวลาในการปฏิบัติตามผังแม่บทต่อไป และจะมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์ประกอบต่าง ๆ ในการออกแบบ อันได้แก่ระบบการจัดกลุ่มอาคาร ระบบการสัญจรและระบบทางกายภาพที่สำคัญอื่น ๆ รวมทั้งความสามารถในการยืดหยุ่นและการขยายตัวของส่วนต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย ในการวางผังแม่บทของมหาวิทยาลัย จะต้องจัดให้ทุกระบบที่เกี่ยวข้องกันนี้ มีความสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากทุก ๆ องค์ประกอบ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีความจำเป็นต้องขยายตัวออกไปยังวิทยาเขตรังสิต เพื่อรองรับความเติบโตของมหาวิทยาลัย และจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายไว้ว่า จะมีนักศึกษาเต็มโครงการประมาณ 10,000 คน จึงจำเป็นต้องมีแผนผังแม่บทเพื่อกำหนดแนวทางการใช้สภาพแวดล้อมทางกายภาพให้มีความเหมาะสมกับการเป็นมหาวิทยาลัยต่อไป ในการจัดทำครั้งนี้ ได้เลือกใช้การวางผังแบบ Central ชนิดที่เปิดโอกาสให้มีการขยายตัวได้ ซึ่งจะลดความยาวของศูนย์กลางมหาวิทยาลัยลงได้ แต่กลุ่มอาคารภายในศูนย์กลางนี้จะไม่ถูกปิดล้อมโดยกลุ่มอาคารอื่น ๆ เป็นการเปิดโอกาสให้มีการขยายตัวและเปลี่ยนแปลงการใช้สอยอาคารได้โดยสะดวก กลุ่มอาคารในศูนย์กลางนี้ได้แก่ อาคารเรียนรวม ศูนย์กลางนักศึกษา หอสมุดกลาง สำนักงานอธิการบดี และศูนย์บริการคอมพิวเตอร์เป็นต้น ส่วนกลุ่มอาคารอื่น ๆ เช่น อาคารเรียน และอาคารหอพัก ได้กำหนดให้อยู่รอบนอกออกมา โดยมีถนนวงแหวนหลักเป็นตัวแบ่งแยกเขตการศึกษา และเขตที่พักออกจากกัน เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัยภายใน สำหรับเขตกีฬาและบริเวณที่จัดเตรียมไว้เป็นโรงพยาบาล จัดให้อยู่ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยเพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันกับชุมชน ในการจัดระบบทางกายภาพต่าง ๆ เพื่อการบริการในมหาวิทยาลัยอันได้แก่ ระบบการสัญจร การจัดภูมิสถาปัตยกรรม การระบายน้ำ การกำจัดน้ำเสีย การกำจัดขยะ ระบบประปา ระบบไฟฟ้า และอื่น ๆ ได้เลือกระบบที่มีความเหมาะสมกับสภาพของมหาวิทยาลัยมากที่สุด เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยคำนึงถึงความประหยัด ความสะดวกในการใช้สอย และการบำรุงรักษาต่อไปในอนาคต ขั้นตอนในการก่อสร้างกำหนดขึ้นจากความจำเป็นในการใช้สอยอาคารซึ่งจะต้องเปิดทำการในปี 2530 เป็นต้นไป และเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2534 จึงได้แบ่งระยะดำเนินการออกเป็น 2 ระยะ ระยะละ 5 ปี ใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าออกแบบ 61 ล้านบาท ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 323 ล้านบาท ค่าก่อสร้างอาคารและส่วนประกอบ 1,130 ล้านบาท และค่าครุภัณฑ์ 280 ล้านบาท

Share

COinS