Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การประยุกต์ใช้แบบจำลองเคาน์ทิแนนซ์ของสเต็ก ในการประเมินกิจกรรมของกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา ในเขตจังหวัดขอนแก่น
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
An application of stake's countenance model in evaluating the secondary school group activities in Changwat Knon Kaen
Year (A.D.)
1984
Document Type
Thesis
First Advisor
สมหวัง พิธิยานุวัฒน์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
วิจัยการศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1984.253
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อประยุกต์ใช้แบบจำลองเคาน์ทิแนนซ์ของสเต็กประเมินกิจกรรมของกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตจังหวัดของแก่น กลุ่มตัวอย่างผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของกลุ่มโรงเรียน คือ ผู้บริหารโรงเรียน ผู้ช่วยผู้บริหารโรงเรียนฝ่ายวิชาการ และครู –อาจารย์ผู้ซึ่งเคยเข้าร่วมในกิจกรรรมของกลุ่มโรงเรียน อีกทั้งใช้ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน เป็นผู้ให้ข้อมูลเชิงตัดสินคุณค่ากิจกรรมของกลุ่มโรงเรียน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเองและการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยค่ามัธยฐาน ฐานนิยม และการวิเคราะห์เนื้อหาผลการวิจัยที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้ 1. ผลจากการประยุกต์ใช้แบบจำลองการประเมิน จากการประยุกต์ใช้แบบจำลองเคาน์ทิแนนซ์ของสเต็ก ความยืดหยุ่นของแบบจำลองทำให้สามารถประเมินกิจกรรมได้ในลักษณะที่ครอบคลุม ปัญหาบางประการที่พบคือ ในการกำหนดตัวแปรที่จะศึกษาในแต่ละเซลเกิดความยุ่งยกและมีความคาบเกี่ยวกัน และในกรณีที่ได้รับข้อมูลเชิงประจักษ์จากแบบถามขัดแย้งกับข้อมูลเชิงตัดสินคุณค่าจากผู้ทรงคุณวุฒิทำให้ยากแก่การพิจารณาตัดสินคุณค่ากิจกรรม ลักษณะเด่นที่เห็นได้อย่างเด่นชัดประการหนึ่งของแบบจำลองคือ ขั้นตอนการพิจรารณาความสัมพันธ์เชิงประจักษ์ระหว่างปัจจัยพื้นฐานกับ การดำเนินงาน และผลการดำเนินงาน เปรียบเสมือนการสรุปผลการประเมินไปในตัวด้วย 2. ผลการประเมินกิจกรรมของกลุ่มโรงเรียน 2.1 กลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา กลุ่มที่1 มีความพร้อมในด้านปัจจัยพื้นฐาน แนวทางการดำเนินงานส่วนใหญ่เป็นไปได้ด้วยดี จะมีจุดอ่อนก็ในแง่ของการประชาสัมพันธ์ข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ผลการดำเนินงานในเกีอบทุกรายการกิจกรรมให้ผลเป็นที่น่าพอใจ กิจกรรมที่ไม่บรรลุผลตามเป้าหมายคือ โครงการส่งเสริมการสอนวิชาการงานอาชีพ 2.2 กลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษากลุ่มที่ 2 มีความพร้อมในด้านปัจจัยพื้นฐานและมีความพร้อมเพรียงในหมู่กรรมการบริหารกลุ่มอย่างดียิ่ง ส่งผลให้การดำเนินงานของกลุ่มเป็นไปได้ด้วยดี และให้ผลเป็นที่น่าพอใจในทุกรายการกิจกรรม ปัญหาที่พบคือกลุ่มประสบปัญหาในส่วนที่เกี่ยวกับโครงการระยะยาว ทั้งนี้เพราะขาดการวางแผนในการควบคุมและติดตามโครงการที่เด่นชัด ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ 1 โครงการ คือ โครงการจำหน่ายผลผลิตของนักเรียน 2.3 กลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา กลุ่มที่ 3 ประสบปัญหาในด้านศูนย์กลางอำนวยการของกลุ่ม ปัญหาความพร้อมเพรียงในหมู่กรรมการบริหารกลุ่ม ส่งผลให้การดำเนินงานของกลุ่มได้รับผลการประเมินในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ กลุ่มที่ 1 และ 2 และประสบปัญหาในบางลักษณะเช่น การติดตามผลการดำเนินงาน การปฎิบัติงานในบางรายการกิจกรรมที่ทำได้ไม่สม่ำเสมอ เกิดความขัดแย้งในหมู่กรรมการบริหารกลุ่มเป็นต้น ผลงานของกลุ่มอยู่ในระดับน้อยกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ 1 และ 2 ผลการดำเนินงานในโครงการอบรมระยะสั้น บรรลุผลตามเป้าหมาย 2.4 ปัญหาร่วมที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันทั้ง 3 กลุ่มโรงเรียนคือ ขาดแคลนในด้านวัสดุ-ครุภัณฑ์และงบประมาณ ขาดปฎิทินการปฎิบัติงานที่เด่นชัด ไม่มีการบรรจุรายการกิจกรรมปกติไว้ในแผนปฎิบัติการประจำปีซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในขณะที่ดำเนินงาน
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
พิบูลย์, สุพักตร์, "การประยุกต์ใช้แบบจำลองเคาน์ทิแนนซ์ของสเต็ก ในการประเมินกิจกรรมของกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา ในเขตจังหวัดขอนแก่น" (1984). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53656.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53656