Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบผลการตัดสินข้อกระทงของมาตรทัศนคติแบบเธอร์สโตน ของผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูแตกต่างกัน

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A comparison of item judgment in Thurstone's attitude scale made by different judges with different attitudes toward teaching profession

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

พวงแก้ว ปุณยกนก

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิจัยการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.251

Abstract

การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลการตัดสินข้อกระทงของมาตรทัศนคติแบบเธอร์สโตนของผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูแตกต่างกัน โดยมีสมมุติฐานว่า กลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูแตกต่างกันตัดสินข้อกระทงของมาตรทัศนคติต่อวิชาชีพครูแบบเธอร์สโตนแตกต่างกัน และลักษณะการกระจายของข้อกระทงของผลการตัดสินของกลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับสูง ปานกลาง และต่ำแตกต่างกัน ลักษณะการกระจายของข้อกระทงของกลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับสูงจะมีลักษณะเบ้ไปทางลบ และลักษณะการกระจายของข้อกระทงของกลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพระดับต่ำจะมีลักษณะเบ้ไปทางบวก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นคณาจารย์วิทยาลัยครูที่มีวุฒิทางการศึกษาระดับปริญญาตรีและมีประสบการณ์ทางการสอนอย่างน้อย10 ปี หรือเป็นผู้ที่มีคุณวุฒิทางการศึกษาอย่างต่ำระดับปริญญาโทและมีประสบการณ์ทางการสอนอย่างน้อย 5 ปี [ ] ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาจำนวน 150 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ๆละ 50 คน โดยคัดเลือกจากคะแนนที่สอดคล้องกันทั้งแนวทฤษฎีพีชบีนและแนวลิเกอร์ตของมาตรทัศนคติต่อวิชาชีพครูฉบับมาตรฐานของภาควิชาวิจัยการศึกษา เป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับสูง ปานกลาง และต่ำ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ มาตรทัศนคติต่อวิชาชีพครูแบบเธอร์สโตน สร้างโดย สวัสดิ์ ประทุมราช และสุภาพ วาดเขียน และมาตรทัศนคติต่อวิชาชีพครูสร้างโดย สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ และนิยะดา ศรีจันทร์ เป็นชุดเกณฑ์ในการคัดเลือกและจัดแบ่งกลุ่มตัวอย่าง การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS ใช้วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวทดสอบความแตกต่างของผลการตัดสินข้อกระทงของมาตรทัศนคติใช้วิธีของทูกี้ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของผลการตัดสินเป็นรายคู่ และใช้ไคสแควร์ (X² ) ทดสอบลักษณะการกระจายของข้อกระทง ผลการวิจัยปรากฏดังนี้ 1. กลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับสูง ปานกลาง และต่ำ ตัดสินข้อกระทง 44 ข้อ ของมาตรทัศนคติต่อวิชาชีพครูแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับน้อยกว่าหรือเท่ากับ .05 จำนวน 36 ข้อ และไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 8 ข้อ 2. ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของผลการตัดสินข้อกระทงของมาตรทัศนคติต่อวิชาชีพครูโดยกลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับสูง ปานกลาง และต่ำ เป็นคู่ ๆ คือค่าเฉลี่ยของผลการตัดสินข้อกระทงของกลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับสูงกับระดับปานกลาง ระดับสูงและระดับต่ำ และระดับปานกลางกับระดับต่ำ แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 2 ข้อ | 29 ข้อ และ 6 ข้อ ตามลำดับ 3. ลักษณะการกระจายของค่ามาตราประจำข้อกระทงของมาตรทัศนคติของกลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับสูง ปานกลาง และต่ำ แตกต่างกัน ดังนี้ 3.1 ผลการตัดสินข้อกระทงของผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับสูงมีลักษณะกระจายเบ้ไปทางลบ 3.2 ผลการตัดสินข้อกระทงของกลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับปานกลาง มีลักษณะกระจายเป็นโค้งปกติ 3.3 ผลการตัดสินข้อกระทงของกลุ่มผู้ตัดสินที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูระดับต่ำ มีลักษณะกระจายเบ้ไปทางลบ

Share

COinS