Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การสอนของครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ที่ได้รับการฝึกอบรมจาก โครงการฝึกอบรมครูประจำการ ในการสอนสอดแทรกจริยธรรม ตามหลักสูตรประถมศึกษาตามการรับรู้ของครูและนักเรียน
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
The instruction of teachers under the office of national primary education commission trained by an in-service project on morality insinuating according to the elementary school curriculum as perceived by themselves and students
Year (A.D.)
1984
Document Type
Thesis
First Advisor
อำไพ สุจริตกุล
Second Advisor
ดวงเดือน อ่อนน่วม
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ประถมศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1984.112
Abstract
วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูก่อนและหลังการฝึกอบรมเกี่ยวกับการนำเทคนิคต่าง ๆ ไปใช้ในแต่ละกลุ่มประสบการณ์ตามหลักสูตรประถมศึกษา 2. เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูก่อนและหลังการฝึกอบรม เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสอดแทรกจริยธรรม 3. เพื่อศึกษาชนิดของสื่อการสอนที่ครูสร้างขึ้นเพิ่มเติม ภายหลังจากได้รับการฝึกอบรม 4. เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการนำเทคนิคต่าง ๆ ที่ได้รับจากการฝึกอบรมไปปฏิบัติ 5. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมการสอนของครูหลังจากการฝึกอบรม วิธีดำเนินการวิจัย ตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ที่ได้รับการฝึกอบรมจาก โครงการฝึกอบรมครูประจำการในการสอนสอดแทรกจริยธรรมตามหลักสูตรประถมศึกษา ของภาควิชาประถมศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 100 คน ได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ และสุ่มแบบง่าย และนักเรียนที่กำลังเรียนกับครูที่เป็นตัวอย่างประชากร จำนวน 300 คน ได้มากจากการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) และวิเคราะห์ข้อมูลปลายเปิดในรูปความเรียง ผลการวิจัย ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ครูมีความเห็นว่าการนำเทคนิคต่าง ๆ ไปใช้ในแต่ละกลุ่มประสบการณ์ หลังการฝึกอบรมสูงกว่าก่อนการฝึกอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยกลุ่มประสบการณ์ที่มีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้มากที่สุดคือกลุ่มการงานพื้นฐานอาชีพ มีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้ใน 11 เทคนิค จาก 15 เทคนิค ได้แก่ เทคนิคการโต้วาทีธรรมะ สถานการณ์จำลอง การสร้างและใช้บัตรคำ การเล่านิทาน เกมเสริมคุณธรรม การละเล่นเสริมคุณธรรม เพลงเสริมคุณธรรม บทบาทสมมุติ กรณีตัวอย่าง และการวัดผลจริยธรรม รองลงมาคือ กลุ่มประสบการณ์พิเศษมีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้ใน 8 เทคนิค จาก 15 เทคนิค ได้แก่ เทคนิคการสร้างและใช้หุ่น การเล่านิทาน การเรียงความปากเปล่า การละเล่นเสริมคุณธรรม การประชุมกลุ่มแบบต่าง ๆ กรณีตัวอย่าง การวัดผลจริยธรรม และสถานการณ์จำลอง กลุ่มสร้างเสริมลักษณะนิสัยมีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้ใน 7 เทคนิค จาก 15 เทคนิค ได้แก่ เทคนิคการโต้วาทีธรรมะ กลุ่มสัมพันธ์ การสร้างและใช้หุ่น การเล่านิทาน การเรียงความปากเปล่า เพลงเสริมคุณธรรม และการวัดผลจริยธรรม กลุ่มทักษะ (ภาษาไทยและคณิตศาสตร์) และกลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต มีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้เท่ากันคือใน 6 เทคนิคจาก 15 เทคนิค กล่าวคือ กลุ่มทักษะภาษาไทย มีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้ ได้แก่ เทคนิคการโต้วาทีธรรมะ การสร้างและการใช้หุ่น กรณีตัวอย่าง การสร้างและใช้บัตรคำ การเล่านิทาน และเพลงเสริมคุณธรรม กลุ่มทักษะ คณิตศาสตร์ มีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้ได้แก่ เทคนิคสถานการณ์จำลอง การเล่านิทาน เกมเสริมคุณธรรม เพลงเสริมคุณธรรม การประชุมกลุ่มแบบต่าง ๆ และกรณีตัวอย่าง กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตมีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้ ได้แก่ เทคนิคการโต้วาทีธรรมะ การสร้างและใช้หุ่น การวาดภาพลายเส้น การเรียงความปากเปล่า เกมเสริมคุณธรรม และการละเล่นเสริมคุณธรรม กลุ่มที่มีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้น้อยที่สุด คือ กลุ่มวิชากิจกรรมพิเศษ มีการเปลี่ยนระดับการนำไปใช้ใน 4 เทคนิคจาก 15 เทคนิค ได้แก่ เทคนิคการโต้วาทีธรรมะ การวาดภาพลายเส้น กลุ่มสัมพันธ์ และการเรียงความปากเปล่า 2. ครูมีความเห็นว่าหลังการฝึกอบรมมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสอดแทรกจริยธรรมสูงกว่าก่อนการฝึกอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยกิจกรรมที่เปลี่ยนจากไม่ได้ปฏิบัติเป็นปฏิบัติบางครั้งมี 10 ข้อกระทงจาก 24 ข้อกระทง และเปลี่ยนจากปฏิบัติบางครั้งเป็นปฏิบัติบ่อยครั้งมี 2 ข้อกระทงจาก 24 ข้อกระทง นอกนั้นเป็นกิจกรรมที่ก่อนและหลังการฝึกอบรมอยู่ในระดับเดียวกัน คือปฏิบัติบางครั้งแต่พบว่าค่าเฉลี่ยหลังการฝึกอบรมสูงกว่าก่อน การฝึกอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 3. ครูได้สร้างสื่อการสอนเพิ่มเติมหลังจากการฝึกอบรมแล้ว โดยสร้างสื่อประเภทบัตรคำร้อยละ 78 หุ่นร้อยละ 55 เกมส่งเสริมคุณธรรมร้อยละ 51 การวาดภาพลายเส้นร้อยละ 45 แต่งเพลงเสริมคุณธรรมร้อยละ 37 และอื่น ๆ อีกร้อยละ 3 ตามลำดับ 4. ครูมีความเห็นเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคในการนำเทคนิคต่าง ๆ ที่ได้รับจากการฝึกอบรมไปปฏิบัติคือตนเองขาดความเข้าใจหลักการที่สำคัญในบางเทคนิค ขาดทักษะในการสร้างสื่อการสอนและขาดวัสดุอุปกรณ์ ขาดทักษะในการแต่งเพลงและร้องเพลง และครูต้องสอนตามแผนการสอนจึงไม่มีเวลาสอนสอดแทรกจริยธรรมได้อย่างเต็มที่ และเห็นว่านักเรียนไม่คุ้นเคยและไม่เข้าใจวิธีการในบางเทคนิคที่ครูนำมาใช้ นักเรียนไม่กล้าแสดงออก นักเรียนมุ่งแต่แข่งขันจะเอาชนะกัน และสนุกสนานจนลืมสิ่งที่ได้เรียนรู้ขณะทำกิจกรรมร่วมกัน 5. นักเรียนมีความเห็นว่า หลังจากที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วครูมีพฤติกรรมการสอนอยู่ในระดับใช้บ่อยครั้งใน 2 ข้อกระทงจาก 20 ข้อกระทง คือ ให้นักเรียนทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มและสังเกตนักเรียนทำงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งตรงกับความเห็นของครูเห็นว่าหลังการฝึกอบรมตนเองได้ปฏิบัติพฤติกรรมการสอนใน 2 ข้อกระทงดังกล่าวอยู่ในระดับปฏิบัติบ่อยครั้ง และพฤติกรรมการสอนที่นักเรียนเห็นว่าอยู่ในระดับครูไม่เคยใช้มี 4 ข้อกระทงจาก 20 ข้อกระทง คือ การฝึกให้นักเรียนตั้งญัตติและฝึกพูดโต้วาทีธรรมะ การใช้หุ่นประกอบการสอน และการใช้การละเล่นเสริมคุณธรรม แต่ครูมีความเห็นว่าตนเองได้ปฏิบัติพฤติกรรมการสอนใน 4 ข้อกระทงดังกล่าวอยู่ในระดับปฏิบัติบางครั้ง นอกนั้นเป็นพฤติกรรที่ทั้งนักเรียนและครูมีความเห็นตรงกันคืออยู่ในระดับครูใช้บางครั้งหรือปฏิบัติบางครั้ง
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ปรีดาสุวรรณ, อาภรณ์, "การสอนของครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ที่ได้รับการฝึกอบรมจาก โครงการฝึกอบรมครูประจำการ ในการสอนสอดแทรกจริยธรรม ตามหลักสูตรประถมศึกษาตามการรับรู้ของครูและนักเรียน" (1984). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53441.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53441